News & Updates

Posts Tagged นิปเปิ้ลให้น้ำไก่

นิปเปิ้ลให้น้ำสำหรับไก่กิน Nipple Drinker

การจัดการระบบนิปเปิ้ลให้น้ำในฟาร์มไก่: ปัจจัยสำคัญและวิธีดูแล

ในฟาร์มไก่ ระบบการจัดการน้ำดื่มเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตของไก่ นิปเปิ้ลให้น้ำไก่ (Nipple Drinker) เป็นระบบให้น้ำที่นิยมใช้ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาความสะอาดของน้ำและลดการปนเปื้อน อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ต้องการการบริหารจัดการและดูแลอย่างละเอียดเพื่อให้ไก่ได้รับน้ำที่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต

นิปเปิ้ลให้น้ำไก่

ปัจจัยสำคัญในการจัดการนิปเปิ้ลให้น้ำในฟาร์มไก่

  1. การป้องกันการปนเปื้อน: ควรใช้ปั๊มน้ำและท่อส่งน้ำที่มีขนาดเหมาะสมเพื่อให้แรงดันน้ำคงที่ และป้องกันไม่ให้ดิน ฝุ่น หรือน้ำฝนเข้ามาปนเปื้อนในระบบน้ำ
  2. การกรองน้ำ: การติดตั้งระบบกรองที่ละเอียด (60 ไมครอนขึ้นไป) ช่วยป้องกันตะกอนและลดการเกิดไบโอฟิล์ม (Biofilm) ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
  3. มิเตอร์วัดปริมาณน้ำ: การติดตั้งมิเตอร์วัดปริมาณน้ำช่วยให้ตรวจสอบการบริโภคน้ำของไก่ได้ หากมีความผิดปกติอาจบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพของไก่
  4. การให้ยาในน้ำ: การใช้ระบบปั๊มแรงดันสูง (Dosing Pump) ในการกระจายยาลงในน้ำ ช่วยลดความเสี่ยงการปนเปื้อนและการสะสมเชื้อโรคจากการใช้ถังใหญ่
  5. จำนวนหัวนิปเปิ้ล: ควรจัดให้จำนวนหัวนิปเปิ้ลเพียงพอต่อจำนวนไก่ในฟาร์ม และตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้ดี ไม่มีการรั่วซึม เพื่อให้ไก่ได้รับน้ำอย่างต่อเนื่อง

การบำรุงรักษาระบบนิปเปิ้ลให้น้ำ

ระบบนิปเปิ้ลต้องได้รับการดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดปัญหาไบโอฟิล์มและการอุดตัน โดยการล้างทำความสะอาดท่อและหัวนิปเปิ้ลเป็นประจำจะช่วยรักษาคุณภาพน้ำและป้องกันการทำงานผิดปกติ

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์นิปเปิ้ลไก่คุณภาพสูง

  • นิปเปิ้ลให้น้ำไก่ ผลิตจากพลาสติก POM ที่ทนทานสูง ทนกรด ด่าง และน้ำยาฆ่าเชื้อได้ดี
  • โครงสร้างระบบลูกปืนและสลักล่างทำจากสแตนเลส ทนทาน ไม่เป็นสนิม
  • ติดตั้งง่ายและใช้งานสะดวก ด้วยระบบ O-Ring ป้องกันการรั่วซึมโดยไม่ต้องพันเทป
  • ออกแบบตามความต้องการของฟาร์ม สามารถกำหนดอัตราการไหลของน้ำได้ตามต้องการ

การจัดการนิปเปิ้ลให้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ฟาร์มไก่สามารถควบคุมคุณภาพน้ำได้ดี ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ และส่งเสริมสุขภาพของไก่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Posted in: ผลิตภัณฑ์และบริการ

Leave a Comment (0) →

การเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์แบบปล่อย Free-range organic egg

การเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์แบบปล่อยไข่ไก่อินทรีย์แบบปล่อยอิสระ (Free-range organic egg) หรือ “Happy chick”

บทนำ: ทำไมต้องเลี้ยงไก่ไข่แบบปล่อย?
ในปัจจุบัน แนวโน้มของผู้บริโภคยุคใหม่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคไข่ไก่ ผู้บริโภคเชื่อว่าการเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารควรเป็นไปอย่างมีมนุษยธรรมและเมตตา การเลี้ยงไก่ไข่ในกรงตับ (caged system) ซึ่งทำให้ไก่ต้องอาศัยในพื้นที่แคบ ๆ ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ เช่น การคลุกฝุ่น การคุ้ยเขี่ย หรือการไข่ในรัง ถือว่าไม่เป็นธรรมต่อสัตว์ จากรายงานของ CWIF (2006) พบว่าไก่ที่เลี้ยงในกรงตับมักมีปัญหาสุขภาพ เช่น กระดูกเปราะ เท้าและเล็บผิดปกติ ข้อต่อขาเสื่อม ทำให้ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน

จากการศึกษาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน สหภาพยุโรปได้ออกกฎหมายห้ามการเลี้ยงไก่ไข่ในกรงตับ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งส่งผลให้ห้างร้านต่าง ๆ หยุดซื้อไข่ไก่ที่มาจากกรงตับ ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายแห่ง เช่น สหรัฐอเมริกา เริ่มมีการประกาศกฎหมายในลักษณะเดียวกัน รวมถึงมีการติดฉลากบอกแหล่งที่มาของไข่ เช่น ไข่จากการเลี้ยงแบบปล่อย (Free-range egg) หรือไข่อินทรีย์แบบปล่อย (Free-range organic egg)

นิปเปิ้ลให้น้ำไก่

นิปเปิ้ลให้น้ำไก่

การเลี้ยงไก่ไข่แบบปล่อย (Free-range system) หมายถึงการเลี้ยงไก่ในพื้นที่ที่เปิดกว้าง มีหญ้าปกคลุมและให้ไก่ได้แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ เช่น การคลุกฝุ่น การจิกกินพืชและแมลง ทำให้ไก่มีความสุขและอารมณ์ดี จึงถูกเรียกว่า “Happy chick” สหภาพยุโรปกำหนดให้การเลี้ยงไก่แบบปล่อยต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 4 ตารางเมตรต่อไก่หนึ่งตัว และต้องมีพืชปกคลุมดิน พร้อมจัดคอนนอนและรังไข่ให้เพียงพอต่อจำนวนไก่

การเลี้ยงไก่แบบปล่อยนี้ยังสอดคล้องกับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ซึ่งช่วยให้ไก่มีสุขภาพดี มีภูมิต้านทานโรคตามธรรมชาติ ลดการใช้ยาปฏิชีวนะและสารเคมี ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภค ไข่ไก่อินทรีย์แบบปล่อยสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าไข่จากระบบปกติหลายเท่า

สวัสดิภาพสัตว์ (Animal welfare)
หมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของสัตว์ โดยคำนึงถึงทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของสัตว์ หลักสวัสดิภาพสัตว์มีแนวทางปฏิบัติเพื่อให้สัตว์มีสุขภาพที่ดีและไม่เครียด ซึ่งเรียกว่า “เสรีภาพ 5 ประการ” (FAWC, 2005) ได้แก่:

  1. สัตว์ต้องปราศจากความหิวและกระหาย – จัดหาอาหารและน้ำสะอาดเพียงพอ
  2. สัตว์ต้องปราศจากความไม่สะดวกสบาย – จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สะดวกสบาย
  3. สัตว์ต้องปราศจากความเจ็บปวดหรือโรคภัย – ป้องกันและรักษาหากเกิดการบาดเจ็บหรือป่วย
  4. สัตว์ต้องได้แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ – มีพื้นที่เพียงพอและอุปกรณ์ที่จำเป็น
  5. สัตว์ต้องปราศจากความกลัวและความกังวลใจ – จัดการเลี้ยงดูให้หลีกเลี่ยงความทุกข์ทางจิตใจ

หลักการดังกล่าวนำไปสู่การจัดการเลี้ยงสัตว์ที่ดี (Good animal husbandry practices) เช่น การจัดอาหารคุณภาพ สภาพแวดล้อมที่สะอาด และการปล่อยสัตว์ให้แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการปฏิบัติเพื่อส่งเสริมสุขภาพสัตว์ให้ดี เช่น อาหารดี อากาศดี อนามัยดี ออกกำลังดี และอารมณ์ดี

ประเด็นด้านความเสี่ยงจากโรค
การเลี้ยงไก่ไข่แบบปล่อยมีความเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดนกจากนกป่า อย่างไรก็ตาม หากจัดการเลี้ยงดูให้ไก่แข็งแรงและมีภูมิต้านทานตามธรรมชาติ จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ ขณะที่การเลี้ยงไก่แบบอุตสาหกรรมซึ่งมีการเลี้ยงอย่างหนาแน่นและใช้พันธุกรรมที่ให้ผลผลิตสูงมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคมากกว่า เนื่องจากไก่มีภูมิคุ้มกันต่ำและเกิดการแพร่กระจายของโรคได้ง่าย

การเลี้ยงไก่ไข่แบบปล่อยนอกจากจะตอบสนองต่อความต้องการด้านสวัสดิภาพสัตว์ ยังช่วยให้ไก่มีสุขภาพแข็งแรงและลดการใช้สารเคมีในการเลี้ยง ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภค

รายละเอียดนิปเปิ้ลให้น้ำไก่

ผลิตจากเนื้อพลาสติก POM มีความทนทานสูง ทนทานต่อกรด ด่าง รวมทั้งน้ำยาฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ติดตั้งง่าย ประกอบใช้งานเร็ว รับผลิต พร้อมระบุอัตราการไหลของน้ำตามต้องการ

  • ผลิตจากเนื้อพลาสติก POM มีความทนทานสูง
  • ระบบลูกปืน และสลักล่างเป็น Stainless แท้ ทั้งชิ้น
  • ทนทานต่อกรด ด่าง รวมทั้งน้ำยาฆ่าเชื้อโรคต่างๆ
  • ติดตั้งง่าย ประกอบใช้งานเร็ว
  • มียาง O-Ring ป้องกันน้ำรั่วโดยไม่ต้องพันผ้าเทป
  • รับผลิต พร้อมระบุอัตราการไหลของน้ำตามต้องการ

Posted in: ผลิตภัณฑ์และบริการ

Leave a Comment (0) →