โปรโมชั่นและสิ่งใหม่ๆ

News & Updates

Plastic Injection and Blowing Thailand

We are experts in plastic blowing and injection in Thailand. We provide full range of service from requirement specification, plastic material and design specification, mold-making, production and testing.

We are happy to provide free of charge consulting and information to help you develop your products including:

1. Product design and plastic material specification e.g. PP, ABS, PS, PE, POM, etc.

2. Mold design and development.

3. Plastic blowing and injection.

For more information, please visit https://www.thaibottle.com/products

ผลิตภัณฑ์-และ-ชิ้นส่วนพลาสติก-Made-to-Order-Plastic-Blowing-and-Injection

Posted in: ผลิตภัณฑ์และบริการ

Leave a Comment (0) →

นิปเปิ้ลให้น้ำไก่

อุปกรณ์เลี้ยงไก่

ด้วยความเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 20 ปี และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากคำแนะนำของทีมงานอาจารย์สัตวแพทย์ และผจก.ฟาร์มต่างๆ ระบบให้น้ำไก่ของเราจึงมีคุณภาพดีเยี่ยม และถูกสุขลักษณะของไก่ เพื่อให้ไก่ในฟาร์มสามารถเติมโต และเพิ่มน้ำหนักได้อย่างเต็มที่

นิปเปิ้ลให้น้ำไก่

ผลิตภัณฑ์ระบบให้น้ำไก่ของเราได้ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในฟาร์มระดับมาตรฐาน เช่น

  • ฟาร์มในเครือเจิญโภคภัณฑ์ (CP)
  • เครือบริษัทคาร์กิลล์ (Cargill)
  • เครือสหฟาร์ม
  • บ.ซันฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล (Sunfood Inter)
  • บ. บี. อินเตอร์เนชั่นแนล (B. Inter)
  • ตะนาวศรีไก่ไทย

และฟาร์มอื่นๆอีกมากมายกว่า 300 ฟาร์ม ตั้งแต่ขนาดใหญ่ จนถึงเล็ก ทั่วทุกภาคในประเทศไทย รวมไปถึงส่งออกไปต่างประเทศ เช่น เวียดนาม พม่า ลาว อเมริกา มาเลเซีย อินโดนิเซีย เป็นต้น

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.thaibottle.com/product-category/nipple-drinker-for-poultry/

นิปเปิ้ลให้น้ำไก่

 

ผลิตจากเนื้อพลาสติก POM มีความทนทานสูง ทนทานต่อกรด ด่าง รวมทั้งน้ำยาฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ติดตั้งง่าย ประกอบใช้งานเร็ว รับผลิต พร้อมระบุอัตราการไหลของน้ำตามต้องการ

  • ผลิตจากเนื้อพลาสติก POM มีความทนทานสูง
  • ระบบลูกปืน และสลักล่างเป็น Stainless แท้ ทั้งชิ้น
  • ทนทานต่อกรด ด่าง รวมทั้งน้ำยาฆ่าเชื้อโรคต่างๆ
  • ติดตั้งง่าย ประกอบใช้งานเร็ว
  • มียาง O-Ring ป้องกันน้ำรั่วโดยไม่ต้องพันผ้าเทป
  • รับผลิต พร้อมระบุอัตราการไหลของน้ำตามต้องการ

KVJUnionPoultryEquipmentFacebook

 

Posted in: ผลิตภัณฑ์และบริการ

Leave a Comment (0) →

สูตรและวิธีการทำแชมพูสระผมสมุนไพร

หากคุณกำลังมีปัญหาเส้นผมบาง รากผมไม่แข็งแรง ผมหลุดร่วงง่าย เป็นรังแค คันศีรษะอยู่บ้างหรือเปล่า? แล้วคุณใช้แชมพูอะไรสระผม? คุณรู้ไหมว่าแชมพูสระผมที่คุณใช้อยู่นั้นเขาใช้อะไรเป็นส่วนผสมบ้าง แล้วที่เขาโฆษณาว่าเป็น”แชมพูสมุนไพร” หรือ “มีส่วนผสมที่สกัดจากธรรมชาติ” นั้น เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน? แล้วมันเหมาะสมกับคุณหรือเปล่า? ถ้าคุณตอบคำถามนี้ไม่ได้หรือไม่แน่ใจ อยากให้คุณอ่านบทความนี้และลองหาโอกาสมาเรียนรู้วิธีการทำแชมพูสมุนไพร สูตรที่เหมาะสมกับตัวเราเองกันดีกว่า เผื่อคุณจะได้คำตอบที่ดีกว่าเดิม

ก่อนอื่นควรทราบถึงคุณสมบัติของสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการดูแลหรือบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ และเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพของเส้นผมและหนังศีรษะของตัวเราเอง ได้แก่

  • ผลมะกรูด น้ำจากผลมะกรูดจะมีฤทธิ์เป็นกรด ช่วยสลายไขมันและชะล้างสิ่งสกปรกที่เกาะบนเส้นผมและหนังศีรษะได้ดี (แต่ไม่ควรใช้น้ำมะกรูดชะโลมบนเส้นผมโดยตรงเป็นประจำ เพราะจะทำให้ผมจะเปราะ ขาดง่าย เพราะน้ำมะกรูดเป็นกรดค่อนข้างมาก มีค่า pH ประมาณ 3.5)
  • ผิวมะกรูด น้ำมันจากเปลือกผลมะกรูดมีกลิ่นหอม  และช่วยบำรุงให้เส้นผมเป็นเงางาม
  • ผลมะเฟือง น้ำจากผลมะเฟืองมีฤทธิ์เป็นกรด (ค่อนข้างมาก pH 2.5-3) ช่วยสลายไขมันและชะล้างสิ่งสกปรกที่เกาะบนเส้นผมและหนังศีรษะได้ดี  เมื่อนำมาผสมน้ำให้เจือจางลงใช้สระผมจะช่วยบรรเทาอาการคันศีรษะได้ดี (แต่ก็ไม่ควรใช้น้ำมะเฟืองชะโลมบนเส้นผมโดยตรงเป็นประจำเช่นกัน)
  • ผลมะคำดีควาย น้ำที่สกัดจากผลมะคำดีควาย จะมีคุณสมบัติช่วยลดรังแค รักษาอาการชันนะตุและหนังศีรษะที่เป็นเชื้อรา แต่การใช้ต้องระวังไม่ให้เข้าตา เพราะจะแสบมาก
  • ดอกอัญชัน  น้ำที่สกัดจากดอกอัญชัน จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต เมื่อนำมาใช้หมักผม ก่อนสระ 15 นาที หรือใช้ผสมกับแชมพูสระผม เมื่อใช้เป็นประจำ จะช่วยทำให้รากผมแข็งแรงขึ้น เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย
  • ต้นตะไคร้ น้ำที่สกัดจากต้นตะไคร้เมื่อนำมาใช้หมักผมก่อนสระหรือใช้ผสมกับแชมพูสระผม เมื่อใช้เป็นประจำ จะช่วยบรรเทาอาการเส้นผมแตกปลาย ลดรังแคและบรรเทาอาการคันศีรษะ
  • ใบว่านหางจระเข้  เมื่อนำวุ้นใสๆ ที่ได้จากใบว่านหางจระเข้ มาใช้หมักผมก่อนสระหรือใช้ผสมกับแชมพูสระผม เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยให้ผมนุ่มสลวย หวีง่ายและช่วยรักษาแผลบนหนังศรีษะ
  • ต้นฟ้าทลายโจร น้ำที่สกัดจากต้นฟ้าทลายโจร (ใบ ต้น ฝัก) จะมีสารยับยังการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิด เมื่อนำมาใช้หมักผมก่อนสระหรือใช้ผสมกับแชมพูสระผม เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยลดอาการเส้นผมหลุดร่วงง่าย

นอกจากนี้แล้วในประเทศไทยยังมีสมุนไพรที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมอีกหลายชนิดที่รอให้คุณได้ศึกษา เรียนรู้และเลือกใช้ให้เหมาะสม  เอาล่ะเกริ่นนำมามากแล้ว มาลงมือทำแชมพูสมุนไพรสูตรตามใจคุณกันดีกว่า

ส่วนผสมแชมพูสระผม สมุนไพร
  • แชมพูออย (EMAL 28CT)     500  กรัม
  • ผงฟอง (ช่วยให้ฟองมาก)     50 กรัม
  • ผงข้น (ช่วยให้น้ำยาสระผมข้นขึ้น)     125– 150  กรัม
  • ลาโนลิน (ช่วยให้เส้นผมลื่น)     50  กรัม
  • น้ำใบหมี่สด (น้ำสมุนไพรตามต้องการ)     1.5 กก. (หรือลิตร)
  • น้ำจุลินทรีย์ผลไม้เปรี้ยว     500  กรัม
  • เกลือ     500 กรัม
  • น้ำหอมกลิ่นตามชอบ      ปริมาณเล็กน้อย
วิธีทำแชมพูสระผม สมุนไพร
  1. แบ่งน้ำใบหมี่สดปริมาณเล็กน้อยใส่ภาชนะ ตั้งไฟพอน้ำร้อน  นำลาโนลินละลายในน้ำร้อน นำเกลือลงไปผสมและน้ำจุลินทรีย์ผลไม้เปรี้ยว คนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงพักเอาไว้
  2. นำน้ำใบหมี่สดที่เหลือ ใส่ในภาชนะใบใหญ่ (ควรใช้ภาชนะพลาสติกหรือสแตนเลส)
  3. ค่อยๆ ใส่ผงฟองลงในน้ำทีละน้อย พร้อมกับคนให้ผงฟองละลายจนหมด ใส่แชมพูออย คนให้ส่วนผสมเข้ากัน
  4. ค่อยๆ ใส่ผงข้นทีละน้อยคนให้ละลายเข้ากัน (ไม่ต้องถึง 150 กรัมก็ได้ ดูว่าน้ำยาข้นก็ใช้ได้ อย่าใช้เกิน น้ำยาจะเหลว) แล้วจึงใส่ลาโนลีนที่ละลายเตรียมไว้ในข้อ 1 คนให้ส่วนผสมเข้ากัน
  5. ใส่กลิ่นตามที่ต้องการ แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ฟองยุบตัวจึงกรอกใส่ในภาชนะ พร้อมใช้หรือจำหน่าย
วิธีทำน้ำจุลินทรีย์ผลไม้เปรี้ยว

ใช้น้ำหมักผลไม้เปรี้ยวตามต้องการ เช่น มะกรูด มะนาว หรือมะเฟือง น้ำหนักรวม 3 กิโลกรัม ผสมคลุกกับน้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม หมักทิ้งไว้ 3 เดือน แล้วจึงนำมากรองเอาเฉพาะน้ำจุลินทรีย์มาใช้

ข้อควรทราบ

1. สมุนไพรที่นำมาใส่ในแชมพูสระผม มีหลายชนิด ควรศึกษาถึงคุณสมบัติของสมุนไพรแต่ละชนิดและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับตนเอง  ตัวอย่างเช่น

  • น้ำที่สกัดจากดอกอัญชัน จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้รากผมแข็งแรง เมื่อใช้ได้สักระยะหนึ่งจะสังเกตเห็นว่ามีผมร่วงน้อยลงและมีผมใหม่ขึ้นมากกว่าเดิม  เตรียมน้ำดอกอัญชันโดยนำหม้อใส่น้ำปริมาณไม่ต้องมากนัก ต้มน้ำให้เดือด แล้วนำกลีบดอกอัญชันใส่ลงในน้ำเดือด (ควรเลือกใช้ชนิดดอกสีน้ำเงิน) ใช้ทัพพีคนคลุกเคล้าไปมาจนเห็นดอกอัญชันสีซีดลงและน้ำต้มดอกอัญชันเป็นสีน้ำเงินเข้ม จึงกรองเฉพาะน้ำมาใช้ เมื่อผสมแล้วจะได้แชมพูสีม่วงสดใส แต่สีม่วง ในผลิตภัณฑ์นี้จะค่อยๆ สลายตัวไปทีละน้อยเนื่องจากเป็นสารธรรมชาติ สลายตัวได้ง่าย แต่สามารถยืดอายุด้วยการเก็บในตู้เย็น
  • น้ำที่สกัดจากผลมะคำดีควาย มีคุณสมบัติลดรังแค รักษาอาการชันนะตุและเชื้อราบนหนังศีรษะ เตรียมโดยใช้ผลมะคำดีควายแห้ง (หาซื้อได้ตามร้ายขายสมุนไพรหรือยาไทยแผนโบราณ) แช่น้ำให้นุ่ม  ต้มให้เดือดและกรองเอาเฉพาะน้ำมาใช้
  • ว่านหางจระเข้ วุ้นใสๆ ที่ใบมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผมให้นุ่มชุ่มชื้น เตรียมได้โดยปอกเปลือกใบว่านหางจระเข้ออกให้หมด แล้วล้างยางสีเหลืองให้หมด (ถ้าล้างยางไม่หมด ยางจะกัดผิวหนัง) นำวุ้นมาใส่โถปั่นให้ละเอียด

2. น้ำหมักชีวภาพที่นำมาทำแชมพูสระผม มีหลายชนิด เช่น มะกรูด มะนาว มะเฟือง ส้มป่อย  เป็นต้น
3. หากต้องการให้แชมพูเก็บได้นาน ๆ ให้ใส่สารกันบูด 12 กรัม เพิ่มลงไปในส่วนผสมดังกล่าว

Credit: YesSpaThailand.com

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

นิปเปิ้ลไก่ กับน้ำไก่กิน Nipple Drinker

นอกเหนือจากเรื่องของพันธุ์สัตว์ที่มักถูกละเลยแล้ว น้ำดื่มก็มักเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มกจะถูละเลยเช่นกัน ในเมื่อเป้าหมายหลักสูงสุดของของการสัตว์ก็คือการการเลี้ยงสัตว์เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด ซึ่งเกษตรกรทั่วไปมักให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหารสัตว์มากกว่า ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าอาหารสัตว์ในตอนนี้มันจะมีราคาที่มีแนวโน้มที่จะสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รูปแบบของการวางระบบน้ำ คุณภาพของน้ำ และเทคนิดของการให้ยาเพื่อรักษาโรคโดยการผสมน้ำกินนั้นกลับไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร

ควรระลึกเอาไว้เสมอว่า ปริมาณของน้ำที่ไก่กินนั้นมากกว่าอาหารประมาณ 2-3 เท่าในแต่ละวัน ดังนั้นการขาดน้ำไก่กินจึงส่งผลเสียมากต่อขบวนการผลิตไก่ และนอกจากนี้ ถ้าคุณภาพของน้ำไม่ดีแล้ว การให้ยาโดยการละลายน้ำนั้น มันก็จะไม่มีประสิทธิภาพตามมาด้วย

การจัดการระบบการให้น้ำภายในฟาร์มไก่

การจัดการระบบการให้น้ำภายในฟาร์ม จะต้องมีการจัดการด้วยความระมัดระวัง โดยจะต้องมีการพิจารณาปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
1. ระบบน้ำจะต้องสามารถป้องกันการปนเปื้อนจะแหล่งน้ำสิ่งแวดล้อมได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน และนอกจากนี้ ขนาดของปั้มน้ำ แท็งน้ำและท่อน้ำ ควรที่จะมีขนาดที่ใหญ่พอ เพื่อลดการสูญเสียแรงดันภายในระบบน้ำ
2. ระบบการกรองน้ำ ซึ่งถ้าจะให้ดีควรที่จะมีการขนาดของการกรองที่ระดับ 60 ไมครอน ซึ่งมันจะช่วยในการกรองตะกอนต่างๆที่ปนมากับน้ำได้ดี และนอกจากนี้มันจะช่วยลดการอุดตันภายในท่อของระบบการให้น้ำได้เป็นอย่างดี และนอกจานี้ ระบบการกรองที่ดีมันจะสามารถ ช่วยลดปัญหาการเกิดไบโอฟีมล์ ภายในท่อระบบน้ำได้ด้วย
3. มิเตอร์วัดปริมาณน้ำไก่กินและปริมาณของน้ำที่ใช้ไปทั้งหมด จะต้องมีการติดตั้งเอาไว้ทุกฟาร์ม หรือทุกโรงเรือนของการเลี้ยงไก่ ซึ่งถ้าการกินน้ำของไก่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติแล้ว มันก็สามารถที่จะบอกได้เป็นนัยๆว่า น่าจะเกิดปญหาขึ้นกับตัวไก่แล้ว ซึ่งทั้งนี้อาจจะบอกได้คร่าวๆว่า ไก่อาจจะป่วย หรือเกิดความเครียดขึ้นแล้ว ซึ่งการจัดการตรวจวัดปริมาณของน้ำไก่กินที่ถูกต้องนั้น จะช่วยทำให้การให้ยาโดยการละลายน้ำได้ผลดี หรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. การให้ยาละลานน้ำแบบเทในแท็งใหญ่นั้น ถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะเลิกใช้ เพราะว่ามันจะทำให้มีการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ภายในแท็งที่มากขึ้น และนอกจากนี้มันยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้สัตว์พาหะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนู แมลงสาป จิ้งจก ตกลงไปในแท็งได้ และนอกจากนี้ การให้ยาโดยการละลายน้ำในแท็งนี้ มันยังอาจจะทำให้ยาตกตะกอนภายในถังได้ ซึ่งเมื่อให้วัคซีนโดยการละลายน้ำภายในถังเดิมนี้ มันก็อาจจะมีผลการประสิทธิภาพของการให้วัคซีนกับไก่ด้วยก็ได้ แนวทางปฏิบัติโดยส่วนมาก ทั่วโลกมักจะใช้ปลั้มแรงดันสูงต่อเข้ากับระบการให้น้ำภายในฟาร์ม เพื่อที่จะทำให้แรงดันของน้ำกระจายไปได้อย่างทั่วถึงในทุกๆจุดของระบบท่อภายในฟาร์ม ซึ่งข้อดีก็คือ มันจะสามารถทำให้ไก่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอและทั่วถึงกันทุกจุดของระบบรายน้ำ
5. หัว นิปเปิ้ลไก่ Nipple Drinker จะต้องมีจำนวนที่เพียงพอ ต่อจำนวนของไก่ที่เลี้ยงอยู่ภายในโรงเรือนนั้นๆ

คุณภาพของน้ำไก่กิน และนิปเปิ้ลไก่

คุณภาพของน้ำเป็นเรื่องพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญมาก เพราะว่าโดยมาตรฐานของน้ำทั่วไปแล้ว ไม่ได้มีการกำหนดไว้ในแต่ละสายพันธ์ของสัตว์ที่นำมาเลี้ยง โดยทั่วไปจะใช้มาตรฐานของน้ำกินของมนุษย์แทน แม้ว่าส่วนประกอบบางตัวจะมีค่าตัวบ่งชี้ที่แตกต่างจากน้ำที่คนกินก็ตาม
ในเชิงอุดมคติแล้ว จะมีการแนะนำให้มีการตรวจน้ำปีละ 2 ครั้ง ซึ่งทั้งนี้ก็อาจจะมีการตรวจวิเคราะห์ ในช่วงฤดูแล้งกับฤดูฝน หรืออาจะเป็นช่วงฤดูร้อนกับฤดูฝน ก็ได้ ซึ่งการตรวจก็จะเป็นการตรวจทางกายภาพ ซึ่งการวิเคราะห์ก็จะมี เช่น ความเป็นกรดเป็นด่าง ความกระด้างของน้ำ ปริมาณของสารอินทรีย์ในน้ำ สนิมเหล็ก ไนเตรด ไนไตรด์ แอมโมเนียม คลอไรด์ เป็นต้น และนอกจากนี้การตรวจวิเคราะห์เชิงชีวภาพก็จะมี เช่น การตรวจลักษณะของเชื้อแบคทีเรียต่างๆ E.coli ,Clostridium , Coliforms Streptococci , Pseudomonas , Staphylococci เป็นต้น

การตรวจวิเคราะห์น้ำ ควรทำการสุ่มตัวอย่างน้ำที่จะนำมาทำการวิเคราะห์ จากหลายๆที่ เช่น ก้นบ่อ แอ่งน้ำ ผิวน้ำ แหล่งน้ำหลักที่ใช้ในการเลี้ยงไก่ เป็นต้น และที่สำคัญจุดปลายน้ำที่ไก่กิน หรือที่สัตว์สำผัสอยู่ก็มักจะเป็น จุดๆหนึงที่จะต้องนำมาตรวจสอบเพราะ มันมักจะเป็นจุดศูนย์รวมของการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ด้วย
เมื่อการการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆภายในท่อน้ำแล้ว เชื้อจุลินทรีย์เล่านั้นก็จะมีการเจริญเติบโต เพิ่มจำนวนขึ้นมาก แล้วหลังจากนั้นมันก็จะทำให้เกิดไบโอฟีมขึ้นภายในระบบน้ำของท่อรายน้ำไก่กิน ตามมา ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ฟาร์มไก่จะต้องทำเป้นประจำก็คือ การทำความสะอาดระบบรายน้ำและที่น้ำ ให้เป็นประจำด้วย และนอกจากนี้ จะต้องมีการวิเคราะห์ผลทางห้องปฏิบัติการของน้ำที่ส่งตรวจวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมออีกด้วย เมื่อพบว่าคุณภาพของน้ำไม่ดีแล้ว ก็จะต้องทำการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นกับไก่ที่เลี้ยงอยู่ภายในฟาร์ม ต่อไป

ในการแกไขปัญหาของคุณภาพน้ำไก่กินนั้น จะต้องต้องดูที่ปัญหาว่า ปัญหาหลักๆ ที่พบนั้นคืออะไร เช่น ถ้าพบว่าน้ำนั้นมีการปนเปื้อนแบคทีเรีย หรือเชื้อจุลินทรีย์ที่มากเกินไปแล้ว ก็จะต้องเพิ่มสารคลอรีนลงไปในน้ำ เพื่อที่จะช่วยในการฆ่าเชื้อในน้ำนั้นให้หมดไป หรือถ้าพบว่าน้ำนั้นมีความขุ่นเป็นจำนวนมาก ก็จะต้องทำการตกตะกอนของน้ำ ก่อนที่จะนำมาฆ่าเชื้อ เพื่อทำให้ผลของการฆ่าเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่เราไม่ควรที่จะมองข้ามเลยก็คือ ปัญหาของน้ำไก่กินที่มีตะกอนของสารอนินทรีย์มากๆ เช่น น้ำมีการปนเปื้อนของสาร แมกนีเชียม สารคอบเปอร์ซัลเฟต หรือแม้กระทั้ง แร่เหล็ก ซึ่งตะกอนเหล่านี้มันจะไปมีผลทำให้ท่อระบบรายน้ำเกิดการผุกร่อนขึ้นมาได้ และสุดท้ายก็จะทำให้ ระบบรายน้ำที่มีการจัดการอยู่ภายในฟาร์มไก่นั้นเกิดการเสียหายตามมาได้

การปรับปรุงคุณภาพน้ำไก่กิน และนิปเปิ้ลไก่

กระบวนการในการปรับปรุงคุณภาพของน้ำไก่กินนั้น สามารถที่จะทำได้หลายๆวิธี ซึ่งขึ้นกับคุณลักษณะของน้ำที่ นำมาใช้ เช่น

  • การฆ่าเชื้อในน้ำโดยใช้สารคลอรีน โดยมากแล้วมักจะมีการผสม หรือเติมสารคลอรีนลงไปในน้ำก่อนที่น้ำจะมีการใหลเข้าไปในแท็ง หรือท่อ เพื่อให้สารคลอรีนมีเวลาทำปฏิกิริยา ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค ต่างๆก่อน ไม่น้อยกว่า 20 – 30 นาที โดยเชื้อโรคที่จำเป็นจะต้องฆ่าได้แก่ เชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรค เชื้อไวรัส ที่ก่อโรค เชื้อราที่ก่อโรค ในไก่ต่างๆ เป็นต้น
  • การฆ่าเชื้อในน้ำด้วย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ คลอรีนไดออกไซด์ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ มีหลายๆพื้นที่นิยมทำกัน แต่การฆ่าเชื้อโรคด้วยวิธีนี้ มันมักจะมีข้อกำกัดเหมือนกัน คือ มันจะออกฤทธิได้ดีในระบบน้ำที่เป้นระบบปิด เท่านั้น และถ้าน้ำมีตะกอนที่มากๆ มันจะออกฤทธิได้ไม่ดีเลย
  • การกรองน้ำ จะเป็นวิธีหนึงที่ทำให้คุณภาพของน้ำดีขึ้น โดยเฉพาะน้ำที่มีลักษณะที่ขุ่น ดังนั้นถ้าน้ำไก่กินขุ่น การกรองน้ำไก่กินก็เป็นอีกวิธีหนึง ที่ทำให้คุณภาพของน้ำในเชิงกาพดีขึ้น ได้
  • การทำให้น้ำมีฤทธิ์เป็นกรด ก็เป็นอีกวิธีหนึงที่สามารถลดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อจุลินทรีย์ ภายในน้ำไก่กินได้ ซึ่งสารที่จะนำมาทำให้น้ำเป็นกรด หรือลด ph ของน้ำนั้นจะมีอยู่หลายๆ ชนิด ซึ่งทั้งนี้ ควรที่จะให้เจ้าของฟาร์มทำการพิจารณาเลือกชนิดของผลิตภัณพ์ เพื่อความเหมาะสมในแต่ละที่
  • การจำกัดธาตุเหล็กในน้ำ ซึ่งน้ำไก่กินที่มีปริมาณของธาตุเหล็กมากๆนั้น มันจะส่งผลต่อคุณภาพของน้ำมาก เช่น มันจะไปขัดขวางประสิทธิภาพของการทำวัคซีนละลายน้ำ ทำให้ภูมิคุ้มกันภายในตวของไก่ขึ้นไม่ดี มันจะไปขัดขวางประสิทธิภาพของการฆ่าเชื้อของสารคลอรีนที่ไส่ลงไปในน้ำ เพราะธาตุเหล็กมันจะไปจับกับสารคลอรีนที่ไส่ลงไปในน้ำ มันจะไปส่งเสริมทำให้มีการอุดตันของระบบรายน้ำ และอุปกรณ์ที่ต่อผ่านระบบรายน้ำ และมันยังไปส่งเสริมทำให้มีการเพิ่มของจำนวนของจุลินทรีย์ภายในระบบรายน้ำ ได้มากอีกด้วย
  • สารในเตรทที่ผสมอยู่ในน้ำไก่กิน ก็จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่จะส่งผลทำให้สุขภาพของไก่ไม่ดีตามมา ซึ่งน้ำที่มีปริมาณของสารไนเตรทจำนวนมาก เราจำเป็นที่จะต้องทำการกำจัดออกไป ให้เร็ว และก็ให้มากที่สุดด้วย เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดกับสุขภาพของไก่ที่เลี้ยงภายในฟาร์มตามมา
  • ในกรณีที่น้ำไก่กินเป็น้ำกระด้าง ทางฟาร์มไก่ก็จำเป็นที่จะต้องทำการบำบัดก่อนที่จะส่งเข้าไปภายในรายน้ำ โดยการทำให้ความกระด้างของน้ำนั้นลดลงก่อน ซึ่งวิธีการลดความกระด้วงของน้ำนั้นก็มีอยู่หลายวิธี ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของฟาร์ม และในแต่ละพื้นที่นั้นๆ เพราะว่าน้ำกระด้างนั้น มันจะเนี่ยวนำทำให้เกิดปัญหาไปโอฟีมขึ้นภายในระบบท่อรายน้ำได้ ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว มันจะไปมีผลทำให้การให้ยา ให้วัคซีน โดยระลายน้ำไม่ได้ผล เกิดการอุดทันของท่อระบบรายน้ำ และสุดท้ายทำให้ปริมาณของเชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ภายในระบบท่อ เพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันจะไปมีผลกระทบกับสุขภาพของไก่ที่เลี้ยงภายในฟาร์มตามมา

สำหรับเรื่องของ การจัดการน้ำที่สะอาดเพื่อที่จะใช้ในการบำบัดรักษาโรคต่างๆนั้น ได้มีการจัดการ หรือมีการทำมานาน
แล้วกว่า 30 ปี โดยปัจจุบันนี้ เทคนิคนี้ได้มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเห็นได้ว่าทั่งร้านค้า และตลาดต่างก็มีอุปกรณ์ชนิดนี้ออกมาขายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าของฟาร์มเลี้ยงไก่สามารถที่จะไปซื้อมาใช้ได้อย่างสะดวก ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ มันจะมุงเน้นไปทำให้คุณภาพของน้ำที่เรานำมาใช้ ดื่ม กิน หรือใช้อื่นๆ มีคุณภาพที่ดีขึ้น

การห้ามใช้ยาปฎิชีวนะในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่ใช้ในการผสมอาหาร หรือที่ใช้โดยการฉีดนั้นจะมีการห้ามใช้ในการเลี้ยงไก่เนื้อเลย ทำให้แนวทางการใช้ยาโดยการละลายในน้ำไก่กินนั้น จึงเป้นแนวทางที่มีความสนใจมากขึ้น และตอนนี้คงเชื้อได้ว่า ทุกบริษัทที่มีการผลิตไก่เนื้อเพื่อการส่งออกนั้นคงจะมีใช้ยาโดยการละลายน้ำเพียงอย่างเดียว เท่านั้น
การใช้สารชนิดต่างๆ เพื่อที่จะใช้ในการละลายโดยน้ำนั้น มีอยู่หลายๆอย่างที่สามารถที่จะทำได้ เช่น การละลายยาฆ่าโดยกับน้ำแล้วทำการฉีดพ่น การละลายยาฆ่าพายธิ การละลายวัคซีน การละลายยาปฏิชีวนะเพื่อการรักษาโรคต่างๆ การให้อาหารเสริมกับไก่ จำพวกวิตามิน การละลายโปไปโอติก หรือแม้กระทั่งการละลายกรดอินทรีย์ ต่างๆ เป็นต้น

การให้ยาโดยการละลาย

ข้อดีของการให้ยาโดยการละลายน้ำนั้น มีอยู่หลายประการ ดังต่อไป นี้

  • ในกรณีสัตว์ที่ป่วยมักจะมีแนวโน้ม ในการกินอาหารที่ลดลง และมีแนวโน้มที่มักจะกินอาหารที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะชดเชยปริมาณของน้ำที่จะสูญเสียไป และทำการรักษาอุณหภูมิ ของร่างกายให้คงที่ ดังนั้น การให้ยาโดยการละลายน้ำจึงเป็นที่เหมาะสมเป็นอย่างมาก
  • ในการให้ยาโดยการละลายน้ำนั้น เราสามารถที่จะปรับระยะเวลาของการให้ยา ให้มีความเหมาะสมได้ เช่น อาจจะให้ 2-4 ชม. เพื่อทำให้ไก่ สามารถที่จะได้รับยาได้ทุกตัว เพื่อให้ผลของการให้ยานั้นมีประสิทธิภาพที่สูง สุด
  • วิธีการให้ยาสามารถที่จะทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ใช้อุปกรณ์น้อย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการให้ยาโดยวิธีอื่นแล้วสามรถที่จะปฏิบัติได้เร็วกว่า สะดวกสะบายกว่า
  • ในกรณีที่มีการให้ยาผิดพลาดพลาด เราสามารถที่จะแกไขได้โดยทันที ซึ่งจะไม่เหมือนกับการให้ยาโดยวิธีการผสมมาในอาหารเพราะว่า การให้ยาโดยวิธีการผสมมาในอาหารนั้น มันจะต้องมีการผสมในปริมาณที่มากๆ และบางทีจะต้องมีการแยกถังไซโล สำหรับเก้บอาหารต่างหากอีก
  • มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรค หรือสารเป็นอันตรายชนิดอื่นๆ ซึ่งในกรณีที่กล่าวถึงนี้ก็คือ การปนเปื้อนที่โรงงานผสมอาหารเอง หรือการปนเปื้อนสารชนิดต่างๆที่ฟาร์ม เลี้ยงไก่
  • ขนาดของยาที่ให้ หรือปริมาณของ Dose ของยาที่ใช้สามารถที่จะปรับได้ตามน้ำหนักตัวของไก่ได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องรอให้อาหารที่เราผสมยามานั้นหมดก่อน
  • ในกรณีของการให้วัคซีนกับไก่ สามารถที่จะทำการให้วัคซันกับไก่ในฝูงที่มีจำนวนไก่มากได้เลย ซึ่งทั้งนี้มันจะทำให้ประหยัดเวลา และแรงงานในการปฏิบัติงานด้วย แต่ว่าการให้วัคซีนโดยการละลายน้ำนั้น มันจะต้องคำนึงถึงเรื่องของคุณภาพน้ำอย่างอื่นด้วย เช่น น้ำจะต้องไม่มีสารคลอรีนผสมอยู่ เพราะสารคลอรีนนี้มันจะไปฆ่าวัคซีนที่ละลายอยู่ในน้ำนั้นตายหมด ซึ่งสุดท้ายก็จะทำให้ประสิทธิภาพของการทำวัคซีนไม่ได้ผลตามมา
ข้อดีของการให้ยาโดยการละลายน้ำและนิปเปิ้ลไก่

ในการให้ยาโดยการละลายน้ำ ที่มีการใช้ปั๊ม หรือ dosing pump นั้น จะมีข้อดีหลายๆ อย่าง ดังนี้

  • สามารถที่จะควบคุม จำนวนของการให้ยา ขนาดของการให้ยา ได้อย่างแน่นอน
  • ทำให้ไม่ต้องใช้ถังพักน้ำสำหรับใส่ผสมยาแยะต่างหาก ซึ่งในที่นี้ มันจะมีข้อดีหลายๆอย่าง เช่น เจ้าของฟาร์มไม่ต้องผวงเรื่องที่จะต้องมาเติมยา ไม่ต้องกลัวเรื่องของน้ำขาด ไม่ต้องกลัวเรื่องของยาที่จะตกตะกอน ไม่ต้องมาคอยกวนยาบ่อยๆ ไม่ต้องกลัวเรื่องของขนาดยาที่ไม่ถูกต้อง และไม่ต้องกลัวเรื่องของการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียภายในถังละลายยา และนอกจากนี้ ไม่ต้องกลัวสัตว์พาหะต่างๆที่จะเข้าไปในถังละลายยาด้วย เพราะถังสต็อกยาที่เราใช้มันจีขนาดเล็กและมีฝาปิดตลอดเวลาด้วย
  • ถังสต็อกที่มีขนาดเล็กนี้ สามารถที่จะทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เหมือนกับถังละลายยาที่มีขนาดใหญ่ การล้างทำความสะอาดก็จะยาก ใช้แรงงานเป็นจำนวนมากในการปฏิบัติงาน
  • ถ้ากรณเกิดปัญหาในเรื่องของการหยุดการทำงานของปั๊ม การใช้ถังสต๊อกจะไม่เป็นปัญหากับระบบการให้น้ำไก่กิน เพราะว่าระบบของรายน้ำก็ยังสามารถที่จะให้น้ำไก่กินได้เป็นปกติ แต่ว่าถ้าให้ยาโดยการละลายน้ำแบบเป็นถังใหญ่แล้วละก็ ถ้าป็มในระบบรายน้ำไม่ทำงาน น้ำในระบบรายน้ำก็จะไม่ใหล และยาที่จะปล่อยเข้าไปสู่ระบบรายน้ำก็จะไม่ไหลตามไปด้วย ซึ่งก็จะทำให้เกิดผลกระทบกับการให้ยาในไก่ ตามมา
  • การละลายยาในถังใหญ่นั้น จะพบปัญหาได้หลายอย่าง เช่น ความสม่ำเสมอของยาที่จะเข้าไปภายในระบบรายน้ำนั้นจะต่ำ และถ้ายาที่ให้นั้นตกตะกอนด้วยแล้ว มันยิ่งจะมีผลทำให้คุณภาพของยาที่เข้าไปภายในระบบรายน้ำนั้น ไม่มีประสิทธิภาพ ตามไปด้วย และสุดท้ายก็จะมีผลกระทบกับไก่ตามมา
  • การควบคุมความเข้มข้นของการให้ยา และระยะเวลาการให้ยา การใช้ถงสต็อกหรือการใช้ฟั๊ม จะก่อให้เกิดผลที่ดี และมีความแน่นอนของ ปริมาณการให้ยาที่มากกว่า
  • การให้ยาโดยการละลายน้ำนั้น ถ้ายาที่จะให้เป้นรูปแบบที่เป็นผง มันก็ย่อมจะมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อต่างๆ จากสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้นการให้ยาโดยการใช้ถังสต๊อก จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า แน่นอน
  • ในกรณีที่เกิดความผิดพลาดขึ้น เช่น การวินิจฉัยโรคที่ผิดพลาด การให้ยาผิดชนิด หรือการให้ขนดของยาที่ผิดพลาด แล้วละก็ วิธีการใช้ถังสต๊อกกับป็มนี้ จะเป็นวิธีที่สามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด เพียงแค่นำถังสต๊อกยาเก่าออกแล้ว นำน้ำเปล่าฉีดเข้าไปแทน เพื่อทำการล้างยาให้ออกจากระบบรายน้ำให้หมด เท่านี้ก็สามารถที่จะแก้ไข ปัญหาดังที่กล่าวมาได้แล้ว แต่จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ถึงแม้วิธีการให้ยาโดยการละลายน้ำจะมีข้อดีที่มากเพียงใดก็ตาม แต่ผู้ที่ทำการให้ยาก็จะต้องพึงระลึกถึงข้อห้ามต่างๆ ของยาแต่ละชนิดให้ดีด้วย ว่า มันมีข้อห้ามอย่างอื่นอะไรที่จะต้องมีการพิจารณาร่วมด้วย
ประสิทธิภาพของยา

ข้อควรปฏิบัติสำหรับประสิทธิภาพของยาที่ให้โดยการละลายน้ำ ได้แก่

  • เจ้าของฟาร์มจะต้องแน่ใจว่า ไก่ที่ได้รับยาโดยการละลายน้ำนั้น ได้มีการกินน้ำที่ผสมยานั้นจริง เพราะว่ายาบางชนิดมันขม จะมีผลทำให้ไปมันไม่กินน้ำ ซึ่งเมื่อไก่มันไม่กินน้ำ ก็จะทำให้ไก่ไม่ได้รับยา ตามมา
  • ในการให้ยาโดยการละลายน้ำนั้น สิ่งที่สำคัญมากก็คือ ปริมาณของน้ำที่ไก่กิน ซึ่งเราจะรู้ได้ก็จะต้องมีตัวเลขเป็นตัวบอกว่าไก่ใช้น้ำไปเท่าใหร่ ซึ่งในที่นี้ก็คือ โรงเรือนเลี้ยงไก่ จะต้องม มิเตอร์ สำหรับที่จะบันทึกปริมาณของน้ำที่ไก่กินเข้าไปด้วย ซึ่งสิ่งที่ว่านี้จะสำคัญมากต่อระบบการให้ยาโดยการละลายน้ำ เพราะว่า เราจะได้รู้ว่าน้ำที่เราผสมยาไปนั้น ไก่ภายในโรงเรือนมันกินได้หมด และกินได้หมด ภายในระบะเวลาท่เราต้องการด้วย เพื่อทำให้ประสิทธิภาพของการออกฤทธิของยาที่ให้นั้นได้อย่างเต็มที่
  • ในกรใช้ยาที่เป็นผงละลายน้ำนั้น จะต้องมีการพิจารณาคุณภาพของน้ำให้ดี ว่ายาที่ละลายนั้นมันสามารถที่จะละลายได้ 100% หรือไม่ เช่น ยาทั่วไปมักละลายได้ดีในน้ำที่มีลักษณะที่เป็นกรด ยาที่มีคุณสมบัติที่เป้นด่างมักละลายได้ดีในน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรด และน้ำที่เป้นน้ำกระด้าง หรือน้ำที่มีสารแขวนลอยมากๆ จะมีผลทำให้การออกฤทธิของยานั้นไม่ดี ซึ่งสารแขวนลอยนั้นมันจะไปจะกับอนุภาคของยาที่ทำการละลายในน้ำนั้น
  • ในการให้ยาที่มีปริมาณความเข้มข้นที่สูงๆ ยาที่ละลายน้ำนั้นมันมักจะไม่ละลาย ทำให้ยาบางส่วนเกิดการตกตะกอนได้ ซึ่งสุดท้ายจะทำให้ไก่ไม่ได้รับยาในปริมาณที่เติมที่ หรือเติมdose ดังนั้นการให้ยาละลายน้ำที่ดีจะต้องให้ตัวยามีความเข้มข้นไม่เกิน 5% ของน้ำที่จะทำการละลาย แต่ปัญหานี้สามารถที่จะทำการแก้ไขได้โดยการใช้ป็มกับถังสต๊อกยา เพราะจากที่กล่าวมาคือ มันจะสามารถที่จะปรับขนาดของการให้ยาที่เหมาะสมได้ และเราไม่จำเป็นที่จะต้องผสมยาในครั้งละมากๆ และนอกจากนี้ การล้างทำความสะอาด และการเปลี่ยนถังใหม่ก็สามารถที่จะทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็วอีกด้วย
  • จากที่กล่าวมาแล้ว ถ้าทางฟาร์มไก่ไม่มีความดือดร้อนมากนักกับเรื่องของต้นทุนอุปกรณ์ที่จะนำมาติดตั้งสำหรับการให้ยากับไก่ สิ่งที่เหมาะสมมากที่สุดก็คือ การใช้ป็มขนาดเล็กกับถังสต๊อกยา เพื่อควบคุมการให้ยาภายในฟาร์มไก่ จะทำให้ประสิทธิภาพของการใช้ยานั้นดีขึ้น
  • เทคนิคของการให้ยาโดยการละลายในน้ำนั้น อย่างหนึ่งที่จะต้องไม่ลืมเลยก็คือ หลายจากที่มีการให้ยาโดยการละลายน้ำแล้ว จะต้องมีการให้ ไก่ได้กินน้ำเปล่าด้วย ซึ่งน้ำเปล่านี้จะต้องป็มเข้าไปในรายระบบน้ำนานเป็นเวลา หลายๆชั่วโมงติดต่อกัน เพื่อให้ไก่ได้รับน้ำเปล่าบ้าง ไม่ให้ไก่เคลียส และที่สำคัญ เพื่อทำความสะอาดระบบท่อรายน้ำไก่กินให้สะอาดด้วย เพราะระบบท่อรายน้ำที่ทำการให้ยานั้น มันจะมีการตกตะกอนของยา และมีการปนเปื้อของยาด้วย ดังนั้นในการป็มน้ำเปล่าเข้าไปภายในระบบท่อรายน้ำนั้น ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีควมสำคัญมาก มันจะช่วยในการล้างท่อ และป้องกันไปโอฟีม ที่จะเกิดภายในระบบท่อรายน้ำ ดังท่กล่าวมา
  • ในการให้ยาโดยการละลายน้ำนั้น สิ่งที่สำคัญที่จะต้องมีการพิจารณาประกอบร่วมกันกันก็คือ ปริมาณน้ำที่จะต้องใช้ ปริมาณยาที่จะต้องใช้ น้ำหนักของไก่ที่จะให้ยา และระยะเวลาที่จะให้ยา ดังนั้น ผู้ที่จะคำนวนค่าต่างๆเหล่านี้ จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมาก ซึ่งถ้ามีการความนวนที่ผิดพลาดแล้ว ก็จะทำให้การให้ยานั้นไม่ได้ผล หรือไม่มีประสิทธิภาพที่ดี ตามมา
  • สุดท้ายนี้ ระบบการจัดการการให้น้ำแบบระบบท่อนั้น ฟาร์มไก่ที่มีการใช้นี้ จะต้องมีการควบคุมดูแล รักษา และปรับปรงซ่อมแซมให้ดี โดยในช่วงของการเตรียมโรงเรือนเลี้ยงไก่ ทางฟาร์มไก่จะต้องมีโปรแกรมในการล้างทำความสะอาด ให้ดี โดยเฉพาะตะกอนต่างๆ ไปโอฟีมที่อยู่ภายในท่อระบบการให้น้ำ จะต้องทำการล้างออกให้หมด และตรวจสอบซ่อมแซมท่อส่วนที่พัง เป็นรู ให้เรียบร้อย และจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า หัวนิปเปิลแต่ละหัวนั้น อยู่ในสภาพที่ดี ไม่มีรูรั่ว ในการล้างทำความสะอาดนั้น อาจจะมีการใช้กรดต่างๆ ล้างทำความสะอาด หรือใช้สารไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ แช่หมัก แล้วใช้ป็มแรงดันสูงล้าง ออกก็ได้

เอกสารอ้างอิง
· Xavier C.. 2008. The Importance Of Drinking Water , feed and livestock , V5( 2 ) : 31-34 p.

ประจำเดือน มิถุนายน 2009
เรียบเรียงโดย น.สพ.ชัชวาลย์ สอนศรี
ผช.กรรมการผู้จัดการ

Credit: chat-chan-chtooo.blogspot.com/2009/07/blog-post_29.html

https://www.thaibottle.com/นิปเปิ้ลให้น้ำไก่

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

การขึ้นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติก

วิธีการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกมีหลายวิธี แต่ที่สำคัญ และนิยมทำกัน ในวงการอุตสาหกรรมพลาสติกมีดังต่อไปนี้

๑. การขึ้นรูปด้วยเครื่องฉีดพลาสติกเข้าแม่พิมพ์ (Injection molding machine)

เป็นวิธีการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์โดยการฉีดพลาสติก ที่กำลังหลอมเหลวเข้าสู่แบบพิมพ์ ด้วยความดันสูง เครื่องจักรที่ใช้ในการนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เป็นที่นิยมแพร่หลาย มีส่วนประกอบสำคัญคือ

  • ฮอปเปอร์ (Hopper)

อุปกรณ์ส่วนนี้มีลักษณะเป็นกรวยขนาดใหญ่ เป็นส่วนที่ใช้บรรจุเม็ดพลาสติก และสารเติมแต่ง เพื่อป้อนเข้าเครื่องฉีดพลาสติก

  • กระบอกฉีดและสกรู (Injector and screw)

เป็นส่วนสำคัญของเครื่องฉีดพลาสติก ทำหน้าที่หลอมเหลวพลาสติก และสร้างแรงดัน เพื่อฉีดพลาสติกหลอมเหลวเข้าสู่แม่พิมพ์ ประกอบด้วยกระบอกตรึงติดอยู่กับที่ ส่วนต้นของกระบอกเป็นที่ติดตั้งฮอปเปอร์ ตรงส่วนกลาง และส่วนปลายของกระบอก มีเครื่องให้ความร้อน ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ได้ ปลายของกระบอก จะต่อเข้ากับหัวฉีด ภายในของกระบอกนี้ เป็นสกรูที่มีความยาวสั้นกว่ากระบอกเล็กน้อย มีลักษณะเป็นเกลียวหยาบหมุนป้อนส่วนผสมของพลาสติก ให้เคลื่อนที่เข้าสู่กระบอก สามารถเคลื่อนถอยหลัง และดันกลับ เพื่อเพิ่มแรงดันให้พลาสติกหลอมเหลว ไหลเข้าสู่แม่พิมพ์

  • หัวฉีด (nozzle)

เป็นส่วนต่อปลายกระบอกฉีดพลาสติก เข้ากับช่องทางไหลของพลาสติกในแม่พิมพ์ หัวฉีดมีรูขนาดเล็ก เพื่อให้พลาสติกหลอมเหลว ไหลผ่านเข้าสู่ช่องว่างในแม่พิมพ์ ด้วยความรวดเร็ว

  • มอเตอร์ขับสกรู (Drived motor)

มอเตอร์ขับสกรู อาจเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า หรือมอเตอร์ไฮดรอลิก สำหรับหมุนสกรู และขับดันสกรู เพื่อฉีดพลาสติกที่กำลังหลอมเข้าสู่ช่องว่างในแม่พิมพ์

  • แม่พิมพ์ (mold)

เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นช่องว่าง ที่มีรูปร่างตามผลิตภัณฑ์ที่ต้องการผลิต แม่พิมพ์ โดยทั่วไปมักออกแบบให้มี ๒ ชิ้น เพื่อให้สะดวกต่อการถอดผลิตภัณฑ์ออกจากแม่พิมพ์ นอกจากนี้ ต้องมีช่องทางไหลของพลาสติกหลอมเหลวต่อจากหัวฉีด เข้าสู่ช่องว่างในแม่พิมพ์เรียกว่า สปรู (sprue)

  • ตัวหนีบยึดแม่พิมพ์ (Hydraulic clamp unit)

ตัวหนีบยึดแม่พิมพ์ซึ่งมักเรียกกันว่า แคล้ม เป็นกลไก สำหรับเปิดและปิดฝาแม่พิมพ์ ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฮดรอลิก อุปกรณ์ส่วนนี้ยังรวมทั้งอุปกรณ์ทำความร้อน เพื่ออุ่นแม่พิมพ์ก่อนฉีด และอุปกรณ์ทำความเย็น เพื่อลดอุณหภูมิแม่พิมพ์ ทำให้ผลิตภัณฑ์แข็งตัวก่อนถอดออกจากแม่พิมพ์

  • ชุดควบคุมกลาง (Central control)

เป็นชุดควบคุมเครื่องจักรรวมทุกส่วน ได้แก่ อุปกรณ์จ่ายกระแสไฟฟ้า อุปกรณ์วัดและควบคุมอุณหภูมิ อุปกรณ์ควบคุมความดัน และอุปกรณ์ตั้งเวลา

๒. การขึ้นรูปด้วยเครื่องรีดหรือเอกซ์ทรูเดอร์ (Extruder)

เครื่องจักรที่ใช้สำหรับการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกด้วยการรีดนี้ มีลักษณะคล้ายกับวิธีแรก แต่แตกต่างกันตรงที่ เอกซ์ทรูเดอร์ ไม่มีส่วนแม่พิมพ์ และอุปกรณ์ควบ สำหรับแม่พิมพ์ ตรงปลายกระบอกฉีดพลาสติก จะติดตั้ง ดาย (die) ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องรีดพลาสติกออกมาเป็นเส้นหรือแผ่น ที่มีรูปหน้าตัดตามรูปดาย การขึ้นรูปด้วยวิธีนี้ สามารถประยุกต์ เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ได้มากมาย เช่น ท่อหรือเส้นพลาสติก ถุงพลาสติก ฟิล์ม แผ่น หรือแท่งพลาสติกที่มีรูปหน้าตัดพิเศษ

๓. การขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ความร้อน

เครื่องจักรที่ใช้ในการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ พลาสติกในลักษณะนี้ มักมีลักษณะไม่ซับซ้อนนัก และมักเรียกชื่อตามลักษณะวิธีการ คือ

  • การหล่อแบบพิมพ์แบบลดความดัน (Vacuum molding)
  • การหล่อแบบพิมพ์แบบอัด (Compression molding)
  • การหล่อแบบพิมพ์แบบถ่ายเท (Transfer molding)
  • การหล่อแบบพิมพ์แบบขยายตัวด้วย ความร้อน (Thermalexpansion molding)

๔. การขึ้นแผ่นด้วยการรีด (Carlendering)

เป็นการขึ้นรูปเป็นแผ่นด้วยลูกกลิ้ง ชุดละไม่น้อยกว่า ๓ ลูกขึ้นไป โดยลูกกลิ้ง ๒ ลูกแรก จะมีอุปกรณ์ให้ความร้อน ทำให้พลาสติกอ่อนนิ่ม แล้วถูกอัดรีดออกมาเป็นแผ่น

๕. การขึ้นรูปด้วยการจุ่ม (Dipping)

เป็นการขึ้นรูปอย่างง่าย มักใช้กับพลาสติกชนิดพลาสติซอล เช่น หุ้มด้ามเครื่องมือช่าง

๖. การหล่อแบบ (Casting)

การขึ้นรูปด้วยการหล่อแบบ มักนิยมใช้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกที่มีขนาดใหญ่ เช่น เรือเร็ว ตัวถังรถยนต์ ถังเก็บน้ำ รูปปั้น เป็นต้น

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

เกี่ยวกับขวดพลาสติก

ขวดพลาสติก ขวด สร้างขึ้นมาจาก พลาสติก ขวดพลาสติกมักจะใช้ในการจัดเก็บของเหลวเช่น น้ำน้ำอัดลมน้ำมัน น้ำมันปรุงอาหาร ยา แชมพู นม และ หมึก ขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กมากขวดตัวอย่างขนาดใหญ่

ประวัติความเป็นมา

ขวดพลาสติกถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกในปี 1947 แต่ยังคงค่อนข้างแพงจนถึงต้นปี 1960 เมื่อเอทิลีนความหนาแน่นสูงได้รับการแนะนำ พวกเขาได้อย่างรวดเร็วกลายเป็นที่นิยมกับทั้งผู้ผลิตและลูกค้าเนื่องจากลักษณะที่มีน้ำหนักเบาของพวกเขาค่อนข้างต่ำและต้นทุนการผลิตเมื่อเทียบกับ แก้ว ขวด . ยกเว้นไวน์และเบียร์ อุตสาหกรรมอาหาร ได้เปลี่ยนเกือบหมดแก้วกับขวดพลาสติก

การผลิต

ขวดพลาสติกที่เกิดขึ้นโดยใช้ความหลากหลายของเทคนิค ทางเลือกของวัสดุที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้

  • เอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) เป็นเม็ดพลาสติกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับขวดพลาสติก วัสดุนี้จะประหยัดทนต่อผลกระทบและอุปสรรคให้ความชุ่มชื้นดีHDPE เข้ากันได้กับหลากหลายของผลิตภัณฑ์รวมถึงกรดและ caustics แต่ไม่ได้เข้ากันได้กับ ตัวทำละลาย . มันจะได้รับการอนุมัติในองค์การอาหารและยาเกรดอาหาร HDPE โปร่งแสงเป็นธรรมชาติและมีความยืดหยุ่น นอกจากนี้สีจะทำให้กำลังการผลิต HDPE ทึบแสงแม้ว่าจะไม่มันวาว HDPE ยืมตัวเองได้อย่างง่ายดายเพื่อการตกแต่งหน้าจอไหม ในขณะที่ HDPE ให้การป้องกันที่ดีที่อุณหภูมิแช่แข็งด้านล่างมันไม่สามารถใช้กับผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปกว่า 160 ° F (71 ° C) หรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้สุญญากาศ (สูญญากาศ) ประทับตรา
  • เอทิลีนความหนาแน่นต่ำ (LDPE) จะคล้ายกับการผลิต HDPE ในองค์ประกอบ มันเป็นน้อยเข้มงวดและโดยทั่วไปน้อยกว่าที่ทนทานทางเคมี HDPE แต่โปร่งแสงมากขึ้น LDPE ใช้งานเป็นหลักสำหรับการใช้งานบีบ LDPE อย่างมีนัยสำคัญมีราคาแพงกว่า HDPE
  • Polyethylene Terephthalate (PET PETE หรือ โพลีเอสเตอร์ ) มักจะถูกใช้สำหรับเครื่องดื่มอัดลมขวดน้ำและผลิตภัณฑ์อาหารจำนวนมาก PET ให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดีมากและคุณสมบัติอุปสรรคน้ำมันหอมระเหยทนต่อสารเคมีที่ดีโดยทั่วไป (แม้ว่า acetones และคีโตนจะโจมตี PET) และระดับสูงของความทนต่อแรงกระแทกและแรงดึง กระบวนการ orienting ทำหน้าที่ในการปรับปรุงคุณสมบัติของก๊าซและอุปสรรคความชื้นและทนแรงกระแทก วัสดุนี้ไม่ได้ให้ความต้านทานต่ออุณหภูมิที่สูงมากการใช้งานสูงสุด อุณหภูมิ. 200 ° F (93 ° C)
  • วัสดุ Polyvinyl Chloride (PVC) เป็นที่ชัดเจนตามธรรมชาติมีความต้านทานที่ดีมากที่จะน้ำมันและมีการส่งผ่านออกซิเจนต่ำมาก มันมีอุปสรรคที่ดีในการปล่อยก๊าซมากที่สุดและต้านทานผลกระทบต่อการลดลงยังดีมาก สารนี้เป็นสารทนสารเคมี แต่มันก็เป็นความเสี่ยงที่จะตัวทำละลาย พีวีซีเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับน้ำมันสลัดน้ำมันแร่และน้ำส้มสายชู นอกจากนี้ยังเป็นที่ใช้กันทั่วไปสำหรับแชมพูและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง พีวีซีจัดแสดงนิทรรศการความต้านทานต่ำที่มีอุณหภูมิสูงและจะบิดเบือนที่ 160 ° F (71 ° C) ทำให้มันเข้ากันไม่ได้กับผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยความร้อน มันได้บรรลุความประพฤติไม่ดีในปีที่ผ่านมาเนื่องจากความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น
  • โพรพิลีน (PP) ถูกนำมาใช้เป็นหลักสำหรับขวดและฝาปิดและมีแพคเกจที่เข้มงวดกับอุปสรรคความชื้นที่ดีเยี่ยม ข้อดีอย่างหนึ่งที่สำคัญของโพรพิลีนเป็นเสถียรภาพที่อุณหภูมิสูงได้ถึง 220 ° F (104 ° C) โพรพิลีนเป็นหม้อนึ่งฆ่าเชื้อและมีศักยภาพในการฆ่าเชื้อด้วยไอน้ำ ความเข้ากันได้ของ PP มีอุณหภูมิสูงบรรจุเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการใช้งานด้วยผลิตภัณฑ์ที่เติมร้อน PP มีความต้านทานต่อสารเคมีที่ดี แต่ให้ทนต่อแรงกระแทกไม่ดีในอุณหภูมิที่เย็น
  • สไตรีน (PS) ที่มีความคมชัดที่ยอดเยี่ยมและความมั่นคงในราคาที่ประหยัด เป็นที่นิยมใช้กับผลิตภัณฑ์แห้งรวมวิตามินเยลลี่ปิโตรเลียมและเครื่องเทศ สไตรีนไม่ได้ให้ความสามารถในการป้องกันที่ดีและการจัดแสดงนิทรรศการความต้านทานผลกระทบต่อคนยากจน
  • พลาสติกชีวภาพ – โครงสร้างโพลิเมอร์ขึ้นอยู่กับวัสดุชีวภาพการประมวลผลมากกว่า ปิโตรเคมี .

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (1) →

Plastic Packaging

Many people may think of packaging only for a few moments when tearing open a new toy or mp3 player. However, packaging serves many masters: marketers, consumers, regulators, logistics engineers, recyclers, and more.
The adaptability of plastic packaging allows it to meet a variety of needs. As packaging moves from design phase through recovery/disposal, the varying types of plastics and their unique properties enable many of the choices made along the way: color, weight, size, shape, utility, printing, protection and so on.
Take a look below at the popular plastic polymers (resins) used in packaging, some benefits of plastic packaging, and some key points about food safety. And travel back in time to review major milestones in plastic packaging…

Plastic resins (polymers) for packaging

Many consumers already are familiar with the numbers and arrows on plastic packaging. These identification codes indicate the type of polymer (sometimes called plastic resin) the packaging is made from. While the resin code has its origins primarily in recycling, it also serves as sort of a primer for recognizing the most common plastics used in packaging: 1) polyethylene terephthalate, 2) high density polyethylene, 3) polyvinyl chloride, 4) low density polyethylene, 5) polypropylene, 6) polystyrene and 7) other. The resins often are identified by their acronyms: 1) PET, 2) HDPE, 3) PVC, 4) LDPE, 5) PP, 6) PS and 7) other.

The specific properties of each resin make them more or less suitable for different kinds of packaging (and other) applications. » view a chart of plastic resin identification codes

Benefits

To be useful, packaging must safely protect and deliver a product from the manufacturer to the consumer. Packaging must meet regulatory requirements—for example, pharmaceutical and drug packaging is tightly regulated; so is any packaging in contact with food. Packaging must protect the contents from damage and leaking. And it must meet expectations regarding aesthetics, merchandising, cost, ease of use, ease of opening and resealing, weight, fuel savings, greenhouse gas emissions, and so on. The right plastic packaging can deliver on these expectations, whether protecting fragile medical equipment or fresh foods. » learn more about innovations in plastic packaging
Plastics help bring home more product with less packaging. Plastic packaging in general is lightweight and strong—different plastics can be molded, extruded, cast and blown into seemingly limitless shapes and films or foams. This resourcefulness often delivers while using minimal resources, creating less waste, consuming fewer resources and creating fewer CO2 emissions than alternative materials. Plastics make packaging more efficient, which ultimately conserves resources.
Modern plastic food packaging—such as heat-sealed plastic pouches and wraps—helps keep food fresh and protects it from contamination. Packaging experts estimate that each pound of plastic packaging can reduce food waste by up to 1.7 pounds. » learn more

Food safety

From airtight wraps to shelf stable containers, plastic packaging plays a key role in delivering a safe food supply, from farm to table and is a material of choice for freezing foods for longer term storage. Plastics have also driven innovations in packaging design. For example, modified atmosphere packaging helps preserve food freshness by capturing a reduced-oxygen air mixture in a plastic package. This technique can extend a product’s shelf life by slowing the growth of bacteria.


In the United States, the Food and Drug Administration regulates the safety of food-contact packaging, including plastics used in contact with food. Many plastics, such as polystyrene and polyethylene, have been used in food packaging for decades. All food-contact packaging materials must pass FDA’s stringent approval process—the agency must find them safe for use in a specific packaging application—before they can be put on the market.
Like everything in this world, questions arise around plastic packaging safety, sometimes based on real issues…and sometimes not. To help answer these and other questions, here are resources on plastic packaging and food safety, styrene and plastic foodservice packaging, bisphenol A (BPA) used to make polycarbonate plastics and epoxy resins, polyvinyl chloride (PVC) plastic packaging and plastic bags and film.
And here’s a site dedicated to busting some of the myths about plastics, including packaging.

Credit: Plasticpackagingfacts.org

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

ขวดพลาสติก 500ml 500มล.

BPE50KVJ-(5)

BPE50 ขวดพลาสติก 500ml 500มล.

ขวดพีอี PE Bottle 500ml 500มล.

สามารถสั่งทำสีได้ตามต้องการ ทั้งสีแบบทึบและใส

ขวดพลาสติก 500ml แนะนำให้ใช้สำหรับ บรรจุภัณฑ์ ขวดสบู่, ขวดแชมพูสระผม, ขวดเครื่องสำอาง, ขวดเซรุ่ม, แต่งหน้า, ขวดโทนเนอร์, ขวดโลชั่น, ขวดครีมบำรุงผิว, ขวดครีมรักษาผิว, จัดแต่งทรงผม, ขวดน้ำยาเปลี่ยนสีผม, ขวดน้ำยาบ้วนปาก, ขวดยาทาเล็บ, ขวดลดความอ้วน, ขวดวิตามินและอาหารเสริม, ขวดเครื่องดื่ม, ขวดน้ำมันนวด, ขวดน้ำมันหอม, ขวดน้ำหอม และ ขวดสารเคมี ทั่วไป

ขวดพลาสติก 500ml สำหรับ 5,000 ชิ้นขึ้นไป ราคาพิเศษ ติดต่อเราสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.thaibottle.com/products/ขวดพลาสติก-500cc-6/

Posted in: ผลิตภัณฑ์และบริการ

Leave a Comment (0) →

ลดต้นทุนการผลิตบรรจุภัณฑ์

แนวคิดนักออกแบบงานบรรจุภัณฑ์เพื่อลดต้นทุนการผลิต

บรรจุภัณฑ์เป็นต้นทุนทางตรงที่ส าคัญตัวหนึ่งในการผลิตสินค้ารองลงมาจากตัววัตถุดิบ ถ้าสามารถลดค่าใช้จ่ายบรรจุภัณฑ์ให้
ต่ าลงได้ ก็จะท าให้ต้นทุนสินค้าต่อหน่วยต่ าลงด้วย หนึ่งในวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการบรรลุผลก าไรที่มากกว่า คือ การลดต้นทุนของ
วัสดุบรรจุภัณฑ์ แนวคิดในการลดต้นทุนของบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มผลกําไร ได้แก่

  • การลดระดับคุณสมบัติทางกายภาพของวัสดุบรรจุภัณฑ์ให้ต่าลง เช่น ลดความหนา ลดน้ าหนัก โดยจะต้องพิจารณาว่า เมื่อลด แล้วยังมีความเหมาะสมหรือไม่ และการประหยัดที่เกิดขึ้นจะคุ้มหรือไม่
  • พิจารณาทางเลือกอื่นของวัสดุบรรจุภัณฑ์ ควรเลือกวัสดุท าบรรจุภัณฑ์ชนิดใหม่ที่ราคาถูกกว่าแทนวัสดุเดิม เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติกควรแทนที่บรรจุภัณฑ์แก้ว เป็นต้น
  • ใช้ประโยชน์จากวัสดุบรรจุภัณฑ์ให้ได้ผลคุ้มค่ากว่าเดิม เป็นการน าวัสดุบรรจุภัณฑ์มาใช้ให้คุ้มค่าขึ้น จะประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลง dimension เพียงเล็กน้อยของกล่องกระดาษ อาจจะท าให้การจัดวางภาพ คลี่บนกระดาษมาตรฐาน 1 แผ่น ได้
  • พิจารณาทางเลือกอื่นของรูปแบบบรรจุภัณฑ์เช่น การน าบรรจุภัณฑ์ของสินค้าเดิมในท้องตลาดมาดัดแปลงให้อยู่ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลก าไรได้
  • การลดส่วนประกอบของบรรจุภัณฑ์ให้น้อยลง เช่น กรณีของฝาปิดแบบติดกันเป็นชิ้นเดียว ซึ่งมีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง อาจแทนที่ได้ด้วยการใช้ฝาพลาสติกแยกชิ้นกันได้ส าหรับขวดพลาสติก
  • การเปลี่ยนรูปทรงจากทรงกลมมาเป็นทรงสี่เหลี่ยม เนื่องจากทรงกลมหรือทรงกระบอกมีปริมาตรน้อยกว่าทรงเหลี่ยม (จัตุรัส) ประมาณ 25-27 % และทรงเหลี่ยมยังง่ายต่อการบรรจุลงในกล่องขนส่งและสะดวกในการขนส่ง และประหยัดเนื้อที่ในการจัดวางแสดงสินค้าด้วย
  • การเพิ่มปริมาณบรรจุต่อกล่องให้มากขึ้น เช่น เคยบรรจุสินค้ากล่องหนึ่ง จ านวน12 ชิ้น เพิ่มปริมาณบรรจุเป็นกล่องละ 18 ชิ้นหรือ 24 ชิ้น จะท าให้ขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น และประหยัดค่าขนส่ง
  • การลดจํานวนขนาดให้น้อยลง หากสินค้ามีขนาดที่หลากหลายจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการบรรจุมาก การลดจ านวนขนาดให้เหลือน้อยที่สุด ย่อมจะลดค่าใช้จ่ายดีกว่าการมีหลายๆ ขนาด และขนาดที่ควรตัดออกไปน่าจะเป็นขนาดที่เล็กที่สุด
  • การลดขนาดพื้นที่ด้านกว้างของบรรจุภัณฑ์พบว่าบรรจุภัณฑ์ที่มีด้านกว้างน้อยที่สุดจะมีต้นทุนถูกที่สุดเพราะใช้เนื้อที่กระดาษน้อยกว่า นอกจากนี้ยังมีความสะดวกในการบรรจุ และบรรจุภัณฑ์มีความมั่นคงแข็งแรง
  • การลดจํานวนสีที่พิมพ์และเลือกใช้คู่สีที่เหมาะสม การออกแบบกราฟฟิกมีส่วนช่วยในการจ าหน่ายสินค้าและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตราสินค้า ในบางกรณีอาจส าคัญกว่าทางเลือกอื่นๆ ที่มีค่าใช้จ่ายสูงแต่ได้ผลน้อยกว่า การออกแบบกราฟฟิกง่ายๆ ใช้สีเพียง 1-2 สี อาจให้ผลลัพธ์ที่ดี และประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการใช้สีในการพิมพ์ที่มากเกินไป เนื่องจากผู้บริโภคมักค านึงถึงคุณภาพสินค้าเป็นหลักมากกว่าจ านวนสีที่พิมพ์ลงบนบรรจุภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อลดต้นทุนการผลิตเป็นสิ่งจ าเป็น แต่ก็ต้องให้ความส าคัญของการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อการตลาดด้วย การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อการตลาด ปัจจุบันเริ่มมีความชัดเจนถึงกลุ่มเป้าหมาย และมีกลยุทธ์ในการแข่งขันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นด้านตราสินค้า บรรจุภัณฑ์ และการใช้เทคโนโลยีผลิตขั้นที่เหนือกว่า การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อเป็นหนึ่งในการครองตลาดนั้น ไม่จ าเป็นต้องใช้วิธีการออกแบบที่หนีจากคู่แข่งขันไปเรื่อยๆ แต่การสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์คิดค้นขั้นที่เหนือกว่า และใช้เทคโนโลยีขั้นที่สูงกว่า ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งซึ่งนักออกแบบเริ่มให้ความส าคัญ

Credit: iSMEs

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

ตราสินค้า

ตราสินค้า (Brand) หมายถึง ชื่อ ข้อความ สัญญลักษณ์หรือรูปแบบหรือสิ่งเหล่านี้รวมกัน เพื่อบ่งชี้ให้เห็นถึงสินค้า หรือบริการของผู้ขายหรือ
กลุ่มของผู้ขายที่แสดงความแตกต่างจากคู่แข่งขัน ตราสินค้าหนึ่ง ๆ จะประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่างรวมกัน คือ
- ชื่อตรา (brandname) ส่วนของตราที่เป็นชื่อหรือค าพูดหรือข้อความซึ่งออกเสียงได้ เช่น วัน ทู คอล, เค เอฟ ซี
- เครื่องหมายตราสินค้า (brandmark) ส่วนหนึ่งของตราซึ่งสามารถจดจ าได้แก่ สัญลักษณ์ รูปแบบที่ประดิษฐ์ต่าง ๆ หรือรูปภาพตลอดจน
สีสรรที่ปรากฏอยู่ในเครื่องหมายต่าง ๆ เหล่านี้
- เครื่องหมายการค้า (trademark) ส่วนหนึ่งของตราหรือตราที่ได้จดทะเบียนการ เพื่อป้องกันสิทธิตามกฎหมายแต่ผู้เดียว
- ลิขสิทธิ์ (copyright) สิทธิตามกฎหมายในสิ่งตีพิมพ์ต่าง ๆ
- โลโก้ (logo) เป็นเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ของกิจการหรือองค์การหนึ่ง ๆ

หลักเกณฑ์ในการเลือกชื่อตราสินค้า (brandname)

- สั้น กะทัดรัด จดจ าได้ง่าย ออกเสียงได้ง่าย – มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
- แปลเป็นภาษาต่างประเทศได้ง่าย มีความหมายเหมาะสม – บอกถึงคุณสมบัติที่ส าคัญของผลิตภัณฑ์
- สอดคล้องกับค่านิยมและวัฒนธรรมของลูกค้าเป้าหมาย – น าไปจดทะเบียนการค้าได้ (ไม่ซ้ ากับที่มีอยู่เดิม)
ตราสินค้า มีความส าคัญอย่างยิ่ง ในสภาวะเศรษฐกิจ ที่มีการแข่งขันสูง ความอยู่รอดของผู้ผลิต อยู่ที่เกิดจากการตัดสินใจของผู้บริโภค จึง
ต้องหาวิธีที่จะท าให้ผู้บริโภคใช้ และบอกต่อกัน เพื่อให้หันมาใช้สินค้า หรือบริโภคสินค้าตัวนั้น ผู้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ จึงต้องสร้างตราสินค้า
เพื่อหลีกเลี่ยง และป้องกัน ให้พ้นจากสินค้า ที่ด้อยคุณภาพ

ความสําคัญของตราสินค้า ที่มีต่อผู้ผลิต หรือผู้จาหน่าย

1. สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ให้กับสินค้า 2. ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย จากผู้จ้องจะเลียนแบบ
3. ท าให้ผู้ซื้อ ที่ชื่นชอบสินค้า ไม่สับสน เท่ากับเป็นการป้องกันตัวเอง จากคู่แข่งขันได้

ความสําคัญของตราสินค้า ต่อผู้บริโภค

1. เป็นเสมือนค ามั่นสัญญา จากผู้ขาย 2. ท าให้เรารู้ว่าใครเป็นผู้ผลิต หรือสินค้าเป็นของผู้ใด
3. เป็นหลักประกันคุณภาพ ของสินค้า ต่อผู้บริโภค 4. เป็นตัวที่ท าให้ผู้บริโภค ตัดสินใจซื้อ

การสร้างตราสินค้าให้มีพลัง

1. ออกแบบตราสินค้าให้มีความเหมาะสม กับบรรจุภัณฑ์และตัวสินค้า
2. ต้องท าให้เกิดความแตกต่างกับตราสินค้า รายอื่น หรือของคู่แข่ง
3. ต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าประเภท อุปโภค บริโภค ที่มีอยู่มากมายหลายชนิด บนชั้นวางขายสินค้า เมื่อได้
ตราสินค้า เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จะต้องท าขั้นต่อไปคือ การออกแบบฉลาก

ป้ายฉลาก (Labeling)

หน้าที่ของป้ายฉลาก
o บอกชนิดของผลิตภัณฑ์และตรายี่ห้อ
o ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์
o ช่วยในการส่งเสริมการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์

ข้อพิจารณาในการออกแบบบรรจุภัณฑ์

1. พิจารณาลักษณะของผลิตภัณฑ์ ต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะและคุณสมบัติ ของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน เช่น
- ลักษณะทางกายภาพ เป็นของแข็ง ของเหลว แห้งเป็นผง เปียก กึ่งแข็งกึ่งเหลว ฯลฯ
- น้ าหนักของผลิตภัณฑ์ หนัก หรือ เบา – ขนาดใหญ่ เล็ก
- มีการผุกร่อนหรือไม่ (ถ้ามี ต้องป้องกันน้ า ออกซิเจน ได้ด้วย) – มีกลิ่นหรือไม่ (มีความต้องการ ในการเก็บกลิ่นหรือไม่)
- เสื่อมสภาพง่ายหรือไม่ (มีความต้องการป้องกันสิ่งสกปรก จากภายนอก รวมทั้งแสง หรือความร้อน หรือไม่)
2. การตลาด ต้องจัดอันดับของตัวผลิตภัณฑ์ ว่าอยู่ในต าแหน่งใด โดยเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ ที่เหมือนกัน หรือคล้ายคลึงกัน จากนั้นจึงจะ
ก าหนดรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ ว่าจะเป็นถุง หรือ กล่อง เทคนิคการพิมพ์ จะเป็นแบบใด
3. การผลิตและการจัดจ าหน่าย ต้องทราบจ านวนการการผลิตบรรจุภัณฑ์ แต่ละครั้ง จ านวนผลิตภัณฑ์ ที่จะบรรจุในบรรจุภัณฑ์ ขีด
ความสามารถในการผลิต และรูปแบบ ควรเป็นบรรจุภัณฑ์ ที่เหมาะสมกับช่องทางการจ าหน่าย
4. การขนส่ง ควรทราบว่าการขนส่งบรรจุภัณฑ์ นั้นไปในช่องทางใด เพื่อเลือกบรรจุภัณฑ์ ให้เหมาะสมกับการขนส่ง เช่น จะวางเรียงกันแบบ
ใด มีการซ้อนทับกันหรือไม่ ถ้ามีเป็นแบบใด
5. การเก็บรักษา (Storage) การเลือกบรรจุภัณฑ์จะต้องพิจารณาถึงวิธีการเก็บรักษา สภาพของสถานที่เก็บรักษา รวมทั้งวิธีการเคลื่อนย้าย
ในสถานที่เก็บรักษาด้วย
6. ลักษณะการน าไปใช้งาน ต้องน าไปใช้งานได้สะดวกเพื่อประหยัดเวลา แรงงานและค่าใช้จ่าย
7. ต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ เป็นปัจจัยที่จะต้องค านึงถึงเป็นอย่างมาก
8. ปัญหาด้านกฎหมาย บทบัญญัติด้านกฎหมายเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ที่ปรากฏชัดเจนคือ
8.1 กฎระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับฉลากการออกแบบกราฟฟิกของผลิตภัณฑ์ต้องเป็นไปตามข้อบังคับ
นอกจากนี้ยังต้องศึกษาการใช้สัญลักษณ์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
8.2 กฎระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์
9. ผลกระทบต่อสังคม ปัญหาที่ยังมิได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังคือ ผลกระทบต่อนิเวศน์วิทยา (Ecology) เกี่ยวกับการท าลายซากของบรรจุ
ภัณฑ์ มูลเหตุที่ต้องมีการพัฒนาบรรจุ

ข้อควรรู้เพิ่มเติมในการออกแบบบรรจุภัณฑ์

ในการออกแบบโครงสร้างของบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม จ าเป็นต้องมีความรู้และพึงปฏิบัติรวม 10 ประการด้วยกันดังนี้
1. มีสามัญส านึก เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ไวต่อความชื้น ต้องได้รับการบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่สามารถป้องกัน ไอน้ าได้ดี ผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันสูงก็ต้องใช้
วัสดุที่กันไขมันได้ ผลิตภัณฑ์ที่แตกหักง่าย ต้องมีการยึดมิให้เคลื่อน ที่ และใช้วัสดุกันกระแทก
2. มีความรู้ในวิชาฟิสิกส์และหน่วยที่ใช้ในด้านการบรรจุภัณฑ์เช่น ในเรื่องของมวล แรง ความดัน รวมทั้งคุณสมบัติทางกายภาพ และเคมี-
กายภาพของบรรจุภัณฑ์ด้วย เช่น ความทนทานต่อการโค้งงอ
3. มีความรู้ในด้านการหีบห่อ มีความรู้ในเรื่องของชนิดและคุณสมบัติของวัสดุและบรรจุภัณฑ์เพื่อสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม
รวมทั้งมีความเข้าใจในเรื่องส่วนประกอบของบรรจุภัณฑ์ เช่น กาว แถบกาว สายรัด ฉลาก วัสดุกันกระแทก
4. มีความรู้เกี่ยวกับระบบการขนส่ง เช่น ความเสียหายเนื่องจากทางกล สภาพอากาศแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต สภาพของการล าเลียงขนส่ง
สินค้าและระบบการขนส่งหน่วยใหญ่ที่ควรใช้
5. มีความรู้ในผลิตภัณฑ์ที่บรรจุ ได้แก่ คุณสมบัติเฉพาะของผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบคุณค่าทางโภชนาการ ความแข็งแกร่งหรือบอบบาง
สาเหตุที่ท าให้ผลิตภัณฑ์เสียหายหรือเสื่อมคุณภาพ ราคา และอายุการเก็บที่ต้องการ
6. มีความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบและข้อก าหนดของลูกค้า อันรวมทั้งกฎหมาย ข้อบังคับต่างๆ ของประเทศที่จ าหน่ายสินค้าและมาตรฐานของ
บรรจุภัณฑ์ที่ลูกค้าก าหนด
7. มีความรู้ในด้านเครื่องจักรที่ใช้ส าหรับการหีบห่อ เช่น เครื่องบรรจุ ปิดผนึก เครื่องห่อ เครื่องปิดฉลาก เครื่องพิมพ์ฉลาก
8. มีความรู้ในเรื่องจุดเด่นและ จุดด้อยของบรรจุภัณฑ์ที่คู่แข่งขันใช้อยู่
9. พัฒนาบรรจุภัณฑ์และทดสอบคุณสมบัติบางประการที่ท าได้ โดยง่าย และเสียค่าใช้จ่ายไม่สูง
10. ส่งตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการปรับปรุงแล้วในข้อ 9 ไปยัง ศูนย์การหีบห่อหรือหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง เพื่อวิเคราะห์ตรวจสอบ
คุณสมบัติของวัสดุและบรรจุภัณฑ์ เพื่อยืนยันผลของการพัฒนาก่อนจะสู่การผลิตบรรจุภัณฑ์ต่อไป

Credit: iSMEs

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

ออกแบบบรรจุภัณฑ์

การออกแบบบรรจุภัณฑ์

การออกแบบบรรจุภัณฑ์ อาจแบ่งประเภทลักษณะการออกแบบได้ 2 ประเภทคือ
• การออกแบบลักษณะโครงสร้าง หมายถึง การก าหนดรูปลักษณะ โครงสร้างวัสดุที่ใช้ตลอดจนกรรมวิธีการผลิต การบรรจุ ตลออดจน
การขนส่งเก็บรักษาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์นับตั้งแต่จุดผลิตจนถึงมือผู้บริโภค
• การออกแบบกราฟฟิค หมายถึง การสร้างสรรค์ลักษณะส่วนประกอบภายนอกของโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ให้สามารถสื่อสาร สื่อ
ความหมาย ความเข้าใจ (To Communicate) ในอันที่จะให้ผลทางด้านจิตวิทยา (Psychological Effects) ต่อผู้บริโภค และอาศัยหลัก
ศิลปะการจัดภาพให้เกิดความประสานกลมกลืนกันอย่างสวยงาม ตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางไว้

กระบวนการออกแบบโครงสร้างบรรจุภัณฑ์

ผู้วิจัยต้องอาศัยความรู้และข้อมูลจากหลายด้านการอาศัยความช่วยเหลือจากผู้ช านาญการบรรจุหลาย ๆ ฝ่ายมาร่วมปรึกษาและพิจารณา
ตัดสินใจ ล าดับขั้นตอนของการด าเนินงาน นับตั้งแต่ตอนเริ่มต้น คือ
1. ก าหนดนโยบายหรือวางแผนยุทธศาสตร์ – ตั้งวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการผลิต เงินทุนงบประมาณ
2. การศึกษาและการวิจัยเบื้องต้น – การศึกษาข้อมูลหลักการทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และวิศวกรรมทางการผลิต
3. การศึกษาถึงความเป็นไปได้ของบรรจุภัณฑ์
4. การพัฒนาและแก้ไข
5.การพัฒนาต้นแบบจริง
6. การผลิตจริงออกมาจ านวนหนึ่งเพื่อเป็นตัวอย่าง ส าหรับการทดสอบทดลองครั้งสุดท้าย หากพบว่ามีข้อบกพร่องควรรีบแก้ไขให้เป็นที่
เรียบร้อยแล้วจึงด าเนินการผลิตเพื่อน าไปบรรจุและจ าหน่ายในล าดับต่อไป

การออกแบบกราฟฟิคบนบรรจุภัณฑ์

บรรจุภัณฑ์เป็นตัวแทนของกระบวนการส่งเสริมการขายทางด้านการตลาด ณ จุดขายที่สามารถจับต้องได้ท าหน้าที่เป็นสื่อโฆษณาได้อย่างดี
เยี่ยม ณ จุดขาย รูปทรงของบรรจุภัณฑ์เปรียบได้กับตัวโครงร่างกายของมนุษย์ สีที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์เปรียบเสมือนผิวหนังของมนุษย์ ค า
บรรยายบนบรรจุภัณฑ์เปรียบได้กับปากที่กล่าวแจ้งแถลงสรรพคุณ การออกแบบอาจจะเขียนเป็นสมการอย่างง่าย ๆ ได้ดังนี้ การออกแบบ =
ค าบรรยาย + สัญลักษณ์ + ภาพพจน์ เนื่องจากการออกแบบภาพพจน์เป็นศิลปะอย่างหนึ่งซึ่งอาจแสดงออกได้ด้วย จุด เส้น สี รูปวาด และ
รูปถ่าย ผสมผสานกันออกมาเป็นพาณิชย์ศิลป์บนบรรจุภัณฑ์ ด้วยหลักการง่าย ๆ 4 ประการ คือ SAFE ซึ่งมีความหมายว่า
S = Simple เข้าใจง่ายสบายตา A = Aesthetic มีความสวยงาม ชวนมอง
F = Function ใช้งานได้ง่าย สะดวก E = Economic ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่

หน้าที่ของกราฟฟิคบนบรรจุภัณฑ์

• สร้างทัศนคติที่ดีงามต่อผลิตภัณฑ์และผู้ผลิต
• ชี้แจงและบ่งชี้ให้ผู้บริโภคทราบถึงชนิด ประเภทของผลิตภัณฑ์
• แสดงเอกลักษณ์เฉพาะส าหรับผลิตภัณฑ์และผู้ประกอบการ
• แสดงสรรพคุณและวิธีใช้ของผลิตภัณฑ์

การออกแบบพัฒนาบรรจุภัณฑ์ยังมีบทบาทช่วยเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ทางด้านการตลาด ดังนี้

1. การใช้โฆษณา บรรจุภัณฑ์จ าต้องออกแบบให้จ าได้ง่าย ณ จุดขาย หลังจากกลุ่มเป้าหมายได้เห็นหรือฟังโฆษณา
2. เจาะตลาดใหม่ มีความจ าเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ในการเจาะตลาดใหม่หรือกลุ่มเป้าหมายใหม่
3. ผลิตภัณฑ์ใหม่ ถ้าผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าเก่า อาจใช้บรรจุภัณฑ์เก่าแต่เปลี่ยนสีใหม่เพื่อแสดงความสัมพันธ์กับสินค้า
เดิม แต่ในกรณีที่เป็นสินค้าใหม่จ าต้องออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่หมด แต่อาจคงตราสินค้าไว้
4. การส่งเสริมการขาย จ าเป็นอย่างยิ่งต้องมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อเน้นให้ผู้บริโภคทราบว่ามีการเพิ่มปริมาณสินค้า การลด
ราคา หรือการแถมสินค้า รายละเอียดบนบรรจุภัณฑ์ย่อมมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีความอยากซื้อมากขึ้น
5. การใช้ตราสินค้า เป็นสิ่งจ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเพื่อสร้างความทรงจ าที่ดีต่อสินค้าบรรจุภัณฑ์ที่มีตราสินค้าใหม่ควรจะได้รับการ
ออกแบบใหม่ด้วยการเน้นตราสินค้า รายละเอียดในเรื่องนี้จะได้กล่าวต่อไปในหัวข้อตราสินค้า6. เปลี่ยนขนาดหรือรูปทรงของบรรจุภัณฑ์ โดยปกติสินค้าแต่ละชนิดมีวัฏจักรชีวิตของตัวมันเอง (Product Life Cycle) เมื่อถึงวัฏจักรชีวิต
ช่วงหนึ่งๆ จ าเป็นต้องมีการเปลี่ยนโฉมของบรรจุภัณฑ์เพื่อยืดอายุของวัฏจักร ในบางกรณี อาจเกิดจากนวัตกรรมใหม่ทางด้านบรรจุภัณฑ์
เช่น การเลือกใช้วัสดุใหม่จึงมีการเปลี่ยนรูปทรงหรือขนาด ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุใดก็ตามมีความจ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการออกแบบบรรจุ
ภัณฑ์ใหม่เพื่อรักษาหรือขยายส่วนแบ่งการตลาด

Credit: iSMEs

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

วางแผนออกแบบบรรจุภัณฑ์

ขั้นตอนการวางแผนออกแบบบรรจุภัณฑ์

การวางแผนเริ่มต้นด้วยจุดประสงค์ของการพัฒนา พร้อมด้วยข้อจ ากัดต่างๆรายละเอียดการวางแผนต้องประกอบด้วยองค์ประกอบต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1 : การวางแผน

1.1 กําหนดเวลา
1.2 ผลงานที่จะได้รับในแต่ละขั้นท างาน
1.3 รายละเอียดของตราสินค้า (Branding)
1.4 ผู้รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 2 : การรวบรวมข้อมูล

2.1 ข้อมูลการตลาด
2.2 ข้อมูลจากจุดขาย
2.3 สถานะการแข่งขัน จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส ข้อจ ากัด (SWOT: Strength, Weakness, Opportunity , Treat)
2.4 ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย / พฤติกรรมผู้บริโภค
2.5 เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทางด้านวัสดุบรรจุภัณฑ์ ระบบบรรจุภัณฑ์และเครื่องจักร

ขั้นตอนที่ 3 : การออกแบบร่าง

3.1 พัฒนาความคิดริเริ่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
3.2 ร่างต้นแบบ ประมาณ 3-5 แบบ
3.3.ท าต้นแบบ ประมาณ 2-3 แบบ

ขั้นตอนที่ 4 : การประชุมวิเคราะห์ปรับต้นแบบ

4.1 วิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางเทคนิค
4.2 วิเคราะห์การสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
4.3 เลือกต้นแบบที่ยอมรับได้

ขั้นตอนที่ 5 : การท าแบบเหมือนร่าง

5.1 เลือกวัสดุที่จะท าแบบ
5.2 ออกแบบกราฟฟิกเหมือนจริง พร้อมตราสินค้าและสัญลักษณ์ทางการค้า
5.3 ขึ้นแบบ

ขั้นตอนที่ 6 : การบริหารการออกแบบ

เริ่มจากการติดต่อโรงงานผู้ผลิตวัสดุบรรจุภัณฑ์จนถึงการควบคุมงานผลิตให้ได้ตามแบบที่ต้องการ พร้อมทั้งจัดเตรียมรายละเอียดการ
สั่งซื้อ (Specification) เพื่อให้บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบสามารถผลิตได้ตามต้องการ ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการติดตามผลของบรรจุภัณฑ์ที่
ออกแบบไปแล้วว่าสามารถสนองตามจุดมุ่งหมายของการออกแบบและบรรลุถึงวัตถุประสงค์ขององค์กรเพียงใด

Credit: iSMEs

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →

Shampoo Bottles Factory Bangkok Thailand

Shampoo Bottle Factory Thailand

More than 200 designs of Shampoo Bottles Bangkok Thailand

We have many shampoo bottles for you to choose from or you can create own design by manufacture mold with us.

We have a good range and size for shampoo bottles from 40ml, 100ml, 120ml, 150ml, 200ml, 250ml, 300ml, 500ml, 750ml, 1000ml bottles.

You can have your shampoo bottles in many different color or clear natural color depending on your preference.

Our Shampoo Bottle Factory has is based in Bangkok, Thailand. Our shampoo bottles have been tested in vacuum test and other quality assurance process. We have other service includes delivery services, silkscreen printing services, consulting services, etc.

Talk to us to find out more on Shampoo Bottle Factory Thailand. Visit https://www.thaibottle.com/contact-us

Posted in: ผลิตภัณฑ์และบริการ

Leave a Comment (0) →

พลาสติกแบบทนเคมี

พลาสติกแบบทนเคมี

พอลิเอทิลีน (Polyethylene : PE) โดยทั่วไปแล้ว พอลิเอทิลีน มีสีขาวขุ่นโปร่งแสง มีความลื่นมันในตัว เมื่อสัมผัสจึงรู้สึกลื่น หยุ่นตัวได้ ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ไม่ติดแม่พิมพ์ มีความเหนียว ทนความร้อนได้ไม่มากนัก แต่ทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมี เป็นฉนวนไฟฟ้า ใส่สีผสมได้ง่ายมีความหนาแน่นต่ำกว่าน้ำจึงลอยน้ำได้ เมื่อความหนาแน่นสูงขึ้นจะทำให้มีความแข็งและความเหนียวเพิ่มขึ้น อุณหภูมิหลอมตัวสูงขึ้น และอัตราการคายก๊าซเพิ่มขึ้น เมื่อความหนาแน่นลดลง จะทำให้อัตราการเสื่อมสลายของผิวเพิ่มขึ้น กล่าวคือผิวจะแตกรานได้ง่ายขึ้น

สมบัติทั่วไป

- ยืดหยุ่นได้ดี เหนียวมากที่อุณหภูมิต่ำ
- มีความทนทานต่อสารเคมีได้ดีมาก
- ทนต่อสภาวะอากาศได้ดีพอสมควรอากาศสามารถซึมผ่านได้ดี
- หดตัวแม่พิมพ์ได้ดีมาก ทำให้ถอดจากแม่พิมพ์ได้ง่าย
- เป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดีมาก
- ผสมสีได้ง่าย ทำให้ผลิตเป็นฟิล์มใส ฟิล์มสี ฟิล์มโปร่งแสงหรือทึบแสงได้
- ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส
ผลิตภัณฑ์ที่ทำด้วยพอลิเอทิลีน
ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ ได้แก่ ขวดใส่สารเคมี ขวดใส่น้ำ ลังหรือกล่องบรรจุสินค้า ภาชนะต่าง ๆ เครื่องเล่นของเด็ก ถุงเย็น ถาดทำน้ำแข็ง ชิ้นส่วนแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ฉนวนไฟฟ้า ถุงใส่ของแผ่นฟิล์มสำหรับห่อของโต๊ะ และเก้าอี้

เราให้คำปรึกษาเกี่ยวกับพลาสติกแบบทนเคมี https://www.thaibottle.com/contact-us

 

Posted in: Knowledge

Leave a Comment (0) →
Page 16 of 16 «...101213141516