แนวโน้มบรรจุภัณฑ์ ปี 2556
เมื่อพูดถึงกระแสของบรรจุภัณฑ์ ปี 2556 Scott Steele ประธานบริษัท Plastics technology ยังคงให้ความสำคัญกับวิธีการในการปกป้องสินค้าอย่างคุ้มค่า ถึงแม้ภาพลักษณ์ของยี่ห้อสินค้า รูปทรง รูปแบบต่างๆ รวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของบรรจุภัณฑ์ต่างเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ แต่หลักๆ แล้วต้นทุนยังคงเป็นคำตอบของทุกสิ่ง อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการลดต้นทุนแล้ว ยังมีหลายปัจจัยที่อุตสาหกรรมให้ความสนใจในปี 2556 นี้
การรีไซเคิล – ถึงแม้กระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ยังคงอยู่ในกระแสได้ตลอดเวลา สมาคม American Chemistry Council และ สมาคมผู้ประกอบการรีไซเคิลพลาสติก (The Association of Postconsumer Plastic Recyclers หรือ APR) เปิดเผยสถานการณ์การรีไซเคิลในปี 2555 ว่าเป็นมีการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยสมาคมเชื่อว่าภาคอุตสาหกรรมสามารถผลักดันให้มีการรีไซเคิลเพิ่มขี้นได้ รวมถึงให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคด้านการรีไซเคิลพลาสติก จากรายงานวิจัยจาก The Freedonia Group. คาดว่าสหรัฐอเมริกามีความต้องการเพิ่มปริมาณการรีไซเคิลพลาสติกปีละ 6.5% เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายการรีไซเคิลพลาสติกน้ำหนัก 3500 ล้านปอนด์ภายในปี 2559 ซึ่งการไปถึงเป้าหมายนี้ต้องมีการขับเคลื่อนหลายปัจจัยพร้อมกัน ได้แก่การเน้นย้ำความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน การพัฒนากระบวนการ และค้นหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการรีไซเคิลพลาสติกได้หลากหลายและเปลี่ยนเป็นเม็ดเรซินที่มีคุณภาพสูง รวมถึงพัฒนากระบวนการและขั้นตอนในการเก็บและการแยกขยะ นอกจากนั้นการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลระดับประเทศก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการเพิ่มอัตราการรีไซเคิลได้
ปริมาณการใช้งานพลาสติกชีวภาพที่เพิ่มขึ้น – ถึงแม้พลาสติกชีวภาพมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 1% ของยอดจำหน่ายพลาสติกทั้งหมด แต่นักวิจัยการตลาดจาก NanoMarkets คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7% ภายในปี 2563 อย่างไรก็ตามเพื่อให้มีศักยภาพสูงสุดในการแข่งขันในตลาด พลาสติกชีวภาพต้องมีราคาที่ต่ำลง โดยปัจจุบันพลาสติกชีวภาพมีราคาสูงเป็น 2-3 เท่าตัวของราคาพลาสติกที่มาจากปิโตรเลียมเนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงมากนั่นเอง การลดต้นทุนสามารถทำได้ถ้ามีปริมาณการใช้งานในสเกลใหญ่ขี้น และการใช้วัตถุดิบราคาถูกในกระบวนการผลิต เช่น การใช้แป้งมันสำปะหลังผลิต PLA ชีวภาพ (Bio-poly lactic acid) ซึ่งสามารถลดต้นทุนของวัตถุดิบลงได้ 70% นอกจากนั้นการปรับปรุงสมบัติเชิงเทคนิคของพลาสติกชีวภาพเพื่อให้ใช้งานได้กว้างขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ สำหรับขวดน้ำพลาสติกจะมีการใช้ PET ชีวภาพ (Bio-PET) แทนพลาสติกที่มาจากฟอสซิลทั้งหมด รวมถึงจะมีการนำโฟม PLA เข้าไปใช้ในงานบรรจุภัณฑ์อาหารด้วย
การเปิดตลาดเป็นกุญแจสำคัญ – บริษัท PCI Films Consulting ระบุ 13 ตลาดที่น่าสนใจสำหรับงานบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible packaging) ได้แก่ โปแลนด์ รัสเซีย ตรุกรี เม็กซิโก บราซิล อินเดีย อินโดนิเซีย ไทย เวียดนาม ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไนจิเรียและแอฟริกาใต้ ซึ่งตลาดเหล่านี้มีมูลค่ารวมกันถึง 14,000 ล้านดอลลาร์ และมีการเติบโตเกือบ 70% ตั้งแต่ปี 2549 โดยปัจจุบันคิดเป็น 20% ของความต้องการในตลาดโลก เป็นที่น่าสนใจว่าถึงแม้หลายประเทศจะเจอวิกฤตเศรษฐกิจแต่ยังสามารถรับสถานการณ์ได้ดีด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 11% ต่อปีตั้งแต่ปี 2549 อีกเหตุผลหนึ่งที่งานบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนนี้มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นเนื่องจากจำนวนประชากรและจำนวนซุปเปอร์มาร์เกตที่เพิ่มขึ้น
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของบรรจุภัณฑ์แบบ Pouches – Pouches เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นถุงทนความร้อน จากรายงานวิจัยของบริษัท Mintel International.ในปี 2553 ที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์ใหม่ถึง 1210 รายการที่บรรจุในถุง Pouches ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 885 รายการในปี 2550 นอกจากนั้นบริษัท Freedonia Group ยังเปิดเผยว่าความต้องการของบรรจุภัณฑ์แบบ Pouches ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 5.1% ต่อปีจนเป็น 8800 ล้านดอลลาร์ ในปี 2559. สำหรับความต้องการบรรจุภัณฑ์ Pouches ชนิดตั้งได้ (Stand-up pouch) คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.2% ทุกปีและมีมูลค่า 2000 ล้านดอลลาร์ในปี 2559 โดยมีอุตสาหกรรมอาหารเป็นตลาดใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ Pouches มีข้อได้เปรียบในเรื่องน้ำหนักเบา ประหยัดค่าขนส่งและลดปริมาณการใช้วัสดุเมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์แบบแข็ง ในยุโรปกำลังนิยมใช้บรรจุภัณฑ์ Pouches ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงและน้ำผลไม้สำหรับเด็ก จากรายงานวิจัยยังพบว่าผู้บริโภคกลุ่มอายุ 18-25 ปีคิดว่าการใช้บรรจุผลิตภัณฑ์ในกระป๋องเป็นเรื่องเชยและชื่นชอบบรรจุภัณฑ์ Pouches มากกว่า
Credit: plastic.oie.go.th/ReadArticle.aspx?id=7455
Posted in: Knowledge
Leave a Comment (0) →